ค้นหาบทความ :


เช่ารถยนต์ /Car Sharing ต่างจากรถเช่าอย่างไร


share : Exclusive Exclusive Exclusive
ผู้เขียน : Toy Ecocar
7 ครั้ง
Created : 27-08-2022
Car Sharing ต่างจากรถเช่าอย่างไร

Car Sharing ต่างจากรถเช่าอย่างไร



Car Sharing ต่างจากรถเช่าอย่างไร

Car sharing คืออะไร เป็นธุรกิจให้บริการ “ รถเช่า  ในรูปแบบของการแบ่งปันรถยนต์จากเจ้าของรถสู่ผู้เช่าที่มีความต้องการใช้รถในระยะสั้น ที่ช่วยตอบโจทย์ไลฟ์ไตล์การใช้รถของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเราจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับบริการ Car sharing และมีประโยชน์อย่างไร คาร์แชริ่งแตกต่างจากธุรกิจเช่ารถ คือ ขั้นตอนของคาร์แชริ่งจบลงด้วยแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน หากเป็นการเช่าแบบปกติจะต้องไปเดินทางไปร้านเช่าติดต่อทำเอกสาร หลังจากใช้รถเสร็จก็ต้องนำรถมาส่งคืนร้านเช่าอีก ซึ่งตรงนี้ไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้รถยนต์ในช่วงเวลาสั้นๆ

 

ผู้ให้บริการและจุดให้บริการ Car sharing ในประเทศไทย

กฤษฏิ์ วิชัยวัฒนาพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ฮ้อปคาร์ จำกัด (Haupcar) ให้บริการคาร์แชริ่งรายแรกของไทย ฮ้อปคาร์มีแนวความคิดมาจากการที่เห็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในการใช้ระบบคาร์แชริ่ง อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ มาเลเซีย จึงหันกลับมามองประเทศไทยและพบว่ามีรถเป็นจำนวนมากแต่ไม่มีการใช้รถทุกวัน ทั้งยังมองเห็นกลุ่มคนที่ต้องการแชร์ริ่งอยู่โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้รถบางประเภทในระยะสั้น 1 ชั่วโมงหรือแค่เดือนละครั้งขณะที่การใช้บริการคาร์แชริ่ง ผู้ใช้งานสามารถกดจองผ่านแอพจากนั้นก็ไปรับรถที่จุดจอดตามเวลาที่ต้องการเช่า ฮ้อปคาร์จุดจอดมีครอบคลุมมากกว่า 10 แห่งตามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที มหาวิทยาลัยและคอนโด อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา บีทีเอสสถานีอโศก ส่วนใน จ.เชียงใหม่ จุดจอดจะอยู่ในย่านตัวเมือง อัตราค่าบริการซึ่งรวมค่าน้ำมันไว้แล้ว แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ เริ่มต้น 49 บาทต่อครึ่งชั่วโมง และบวก 5.9 บาทต่อกิโลเมตร ส่วนรายวันเริ่มต้น 719 บาท บวก 5.9 บาทต่อกิโลเมตร

ลักษณะการให้บริการธุรกิจรถเช่า

“ธุรกิจรถเช่า” กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากรถเช่าทำไม่อยากแต่ก็ไม่ง่าย เพียงคุณมีรถสักคัน ก็สามารถปล่อยเช่ารถให้กับผู้ที่ต้องการเช่ารถได้ ผู้ประกอบการหลายเจ้า เริ่มจากการปล่อยเช่ารถเพียงคันเดียว และค่อยๆ ซื้อรถเพิ่มที่ล่ะคัน2คัน รถเช่ามีให้เลือกหลายรูปแบบ สะท้อนให้เห็นว่าการธุรกิจปล่อยเช่ารถ สร้างรายได้ที่ดีให้กับธุรกิจนี้ เรามาทำความรู้จักกับธุรกิจรถเช่ากันดีกว่า ถ้าหากคุณต้องการทำธุรกิจนี้

ธุรกิจรถเช่าคืออะไร

ธุรกิจรถเช่า คล้ายกับการปล่อยเช่าบ้านหรือคอนโด แต่ธุรกิจรถเช่าใช้รถเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ โดยผู้ปล่อยเช่าหรือเจ้าของรถ นำรถที่ตนเองเป็นเจ้าของปล่อยเช่าให้ผู้อื่นนำรถไปใช้ขับขี่ตามวัตถุประสงค์

รถแบบไหนสามารถปล่อยเช่าได้บ้าง

  • รถยนต์ส่วนบุคคล
  • รถจักรยานยนต์
  • รถตู้

รวมถึงรถใช้งานประเภทอื่นๆ ก็สามารถปล่อยเช่าได้เช่นเดียวกัน โดยผู้เช่ารถจะต้องจ่ายค่าเช่าให้กับผู้ปล่อยเช่าตามข้อตกลงบนสัญญาเช่ารถที่ทำร่วมกัน

 

ผู้ให้บริการและจุดให้บริการรถเช่าในประเทศไทย

 การเช่ารถขับเอง ทางเลือกสำหรับคนชอบเที่ยวที่จะคอยอำนวยความสะดวกและช่วยให้เดินทางได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยมีบริการรถสาธารณะ นับเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว เป็นส่วนตัว และสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว ซึ่งในทุกวันนี้มีบริษัทเช่ารถขับมากมายเปิดให้บริการกระจายในจังหวัดใหญ่ ๆ ที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว โดยรถที่ให้เช่านั้นมีให้เลือกหลากรุ่นหลายขนาด ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ หรือรถตู้ รวมถึงมีการซ่อมบำรุงและตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอด สำหรับใครที่กำลังมองหารถเช่าขับเองสำหรับทริปต่อไป เรามีตัวอย่างบริษัทรถเช่าที่พร้อมให้บริการมาแนะนำ ดังต่อไปนี้

1. Ecocar Rent A Car

          ผู้ให้บริการเช่ารถอีโคคาร์รายแรกของไทย มีรถยนต์ให้เลือกใช้งานหลากหลายรุ่น ทั้งรถญี่ปุ่น รถยุโรป รถกระบะ และรถตู้ มากกว่า 600 คันในราคาที่ถูกใจ ครบวงจรทั้งรถเช่าขับเองและรถเช่าพร้อมคนขับ โดยให้บริการรถเช่าทั้งระยะสั้น (รายวัน) และรถเช่าระยะยาว (รายเดือน) รถทุกคันได้รับมาตรฐานความปลอดภัย มั่นใจได้ในเรื่องความพร้อมใช้งาน ช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาภายใต้แนวคิดรักษาสิ่งแวดล้อม สามารถเลือกใช้เช่ารถได้ในจังหวัดใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ อุบลราชธานี พัทยา หาดใหญ่ เป็นต้น

 

2. VIP Cars

           บริษัทนายหน้าเช่ารถที่มีชื่อเสียงระดับโลกและแบรนด์รถเช่าที่น่าเชื่อถือในราคาที่สมเหตุสมผล ให้บริการในหลายประเทศใหญ่ ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น นครราชสีมา เลย นครพนม สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ ภูเก็ต และอื่น ๆ มีรถให้เลือกหลายหมวดหมู่ตั้งแต่รุ่นประหยัด ขนาดกะทัดรัด รถตู้ หรือรถ SUV สะดวกทันใจ เลือกรับรถในสถานที่ที่ลูกค้าต้องการ เช่น สนามบิน โรงแรมที่พัก ก็สบาย หมดปัญหาความยุ่งยากในการมองหายานพาหนะ ให้บริการบนเว็บไซต์ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง หากมีข้อสงสัยหรือปัญหาในการใช้งานก็สามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์สายด่วนฮอตไลน์ของแต่ละประเทศได้เลย

3. Siam Car For Rent

           ผู้ให้บริการเช่ารถยนต์ในประเทศไทย และบริหารโดยทีมงานชาวไทยที่มีประสิทธิภาพและประสบการณ์ในงานเช่ารถยนต์และดูแลรถยนต์ มีสำนักงานใน 3 จังหวัดใหญ่ คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ให้บริการรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถ SUV หลากหลายแบรนด์และขนาด ที่ได้รับการดูแลระบบต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมใช้งาน รวมถึงบริการเสริมอื่น ๆ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมที่ชาร์จประจำรถยนต์ที่เช่า GPS และที่นั่งสำหรับเด็ก มีช่องทางการติดต่อให้เลือกมากมายทั้งจองผ่านหน้าเว็บ อีเมล ไลน์ เฟซบุ๊ก และโทรศัพท์ รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนการจองได้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

4. Sixt Thailand

           บริษัทเช่ารถขับที่เป็นความร่วมมือระหว่าง Master Car Rental และ Sixt ผู้ให้บริการรถเคลื่อนที่ชั้นนำของประเทศเยอรมนี ให้บริการรถยนต์เช่าทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือนในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า มีรถเช่าให้เลือกมากมายกว่า 20 รุ่นตั้งแต่ชั้นประหยัด รุ่นกะทัดรัด รุ่นมาตรฐาน และระดับพรีเมียม ให้บริการครอบคลุมสนามบิน 14 แห่งทั่วประเทศไทย ได้แก่ สุวรรณภูมิ เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี ภูเก็ต หาดใหญ่ กระบี่ สมุยและสุราษฎร์ธานี

5. Chic Car Rent

           บริษัทรถเช่าในเครือกลุ่มบริษัท พระราม 3 กรุ๊ป ฮอนด้า ซึ่งแม้ว่าจะเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ก็มีรถหลากรุ่นหลายประเภทไว้คอยบริการตามความต้องการของลูกค้า ทั้งรถยนต์รุ่นประหยัดหรือ SUV ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 3 ปี และได้รับการดูแลทุกระยะตามคำแนะนำจากผู้ผลิตโดยตัวแทนอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างความมั่นใจตลอดทุกการเดินทาง มีบริการทั้งแบบรายวัน รายเดือน และระยะยาว รวมถึงบริการเสริมอื่น ๆ เช่น GPS ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก และประกันภัยลดหย่อนความรับผิดชอบต่อความเสียหาย มีสาขาในจังหวัดใหญ่ ๆ ในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี และภูเก็ต

 

ตารางเปรียบเทียบ Car sharing และธุรกิจรถเช่า

รายการ

Car sharing

รถเช่า

ระยะเวลาเช่า

ตั้งแต่ 1 ชั่วโมง

ตั้งแต่ 1 วัน

เอกสาร

ผ่านแอปพลิเคชั่น

มีเอกสารการเช่าต่างๆ

สถานที่รับรถ

ตามจุดให้บริการทั่วไป

สาขาที่ให้บริการ

รุ่นรถยนต์

สามารถเลือกได้

สามารถเลือกได้

ออฟชั่นเสริม

ไม่มี

มี

 

อนาคตของ Car sharing ในประเทศไทย

ธุรกิจ car sharing สามารถปรับไปสู่การให้บริการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินทางด้วยตัวเอง และต้องการความยืดหยุ่นในการเดินทางมากกว่ารถเช่ารายวัน และมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าในกรณีที่ใช้บริการไม่เกินครึ่งวัน และการเข้ามาของธุรกิจนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีต่อธุรกิจบริการที่จอดรถและธุรกิจประกันภัยในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

ธุรกิจ car sharing เป็นธุรกิจให้บริการรถเช่าระยะสั้นที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยการให้บริการในรูปแบบ Business to Consumer เติบโต 39% ต่อปี วัตถุประสงค์ของการให้บริการ car sharing จะมุ่งเน้นไปสู่การลดปริมาณการใช้รถยนต์บนท้องถนน โดยธุรกิจมีรูปแบบการให้บริการ 2 ประเภท คือ

1) รูปแบบ Peer to Peer (P2P) ที่มองว่าเวลากว่า 80% ใน 1 วัน รถยนต์มักถูกจอดทิ้งไว้ ซึ่งรูปแบบนี้เป็นการจับคู่ระหว่างเจ้าของรถที่ต้องการหารายได้เสริมด้วยการปล่อยเช่ารถในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้งานกับสมาชิกที่ต้องการเช่ารถในช่วงเวลาดังกล่าว และ

2) รูปแบบ Business to Consumer (B2C) ที่พัฒนามาจากรูปแบบแรก เป็นการให้บริการรถเช่าระยะสั้นแก่สมาชิก โดยรถที่ให้เช่าเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ไม่ใช่รถส่วนบุคคล ซึ่งรูปแบบนี้จะมีจุดแข็งในการให้บริการในลักษณะ one way trip สมาชิกสามารถใช้บริการ ณ จุดที่สะดวกและไม่จำเป็นต้องนำรถมาจอดคืนที่เดิม เนื่องจากมีบริการจุดจอดรถจำนวนมาก

คาร์แชริ่งแตกต่างจากธุรกิจเช่ารถ คือ ขั้นตอนของคาร์แชริ่งจบลงด้วยแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน หากเป็นการเช่าแบบปกติจะต้องไปเดินทางไปร้านเช่าติดต่อทำเอกสาร หลังจากใช้รถเสร็จก็ต้องนำรถมาส่งคืนร้านเช่าอีก ซึ่งตรงนี้ไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้รถยนต์ในช่วงเวลาสั้นๆ

ธุรกิจมีรูปแบบการให้บริการ 2 ประเภท คือ 

1) รูปแบบ Peer to Peer (P2P) ที่มองว่าเวลากว่า 80% ใน 1 วัน รถยนต์มักถูกจอดทิ้งไว้ ซึ่งรูปแบบนี้เป็นการจับคู่ระหว่างเจ้าของรถที่ต้องการหารายได้เสริมด้วยการปล่อยเช่ารถในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้งานกับสมาชิกที่ต้องการเช่ารถในช่วงเวลาดังกล่าว และ 

2) รูปแบบ Business to Consumer (B2C) ที่พัฒนามาจากรูปแบบแรก เป็นการให้บริการรถเช่าระยะสั้นแก่สมาชิก โดยรถที่ให้เช่าเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ไม่ใช่รถส่วนบุคคล ซึ่งรูปแบบนี้จะมีจุดแข็งในการให้บริการในลักษณะ one way trip สมาชิกสามารถใช้บริการ ณ จุดที่สะดวกและไม่จำเป็นต้องนำรถมาจอดคืนที่เดิม เนื่องจากมีบริการจุดจอดรถจำนวนมาก

จุดให้บริการ Car sharing มีที่ไหนบ้างในประเทศไทย

ขณะที่การใช้บริการคาร์แชริ่ง ผู้ใช้งานสามารถกดจองผ่านแอพจากนั้นก็ไปรับรถที่จุดจอดตามเวลาที่ต้องการเช่า ฮ้อปคาร์จุดจอดมีครอบคลุมมากกว่า 10 แห่งตามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที มหาวิทยาลัยและคอนโด อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา บีทีเอสสถานีอโศก ส่วนใน จ.เชียงใหม่ จุดจอดจะอยู่ในย่านตัวเมือง อัตราค่าบริการซึ่งรวมค่าน้ำมันไว้แล้ว แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ เริ่มต้น 49 บาทต่อครึ่งชั่วโมง และบวก 5.9 บาทต่อกิโลเมตร ส่วนรายวันเริ่มต้น 719 บาท บวก 5.9 บาทต่อกิโลเมตร

 

ประเทศที่ใช้บริการ Car Sharing มากที่สุด

1) เอเชีย-แปซิฟิก ด้วยความบริเวณภูมิภาคนี้ จะมีประชากรที่มีกำลังทรัพย์สูงในการใช้จ่าย และพื้นที่ที่จำกัดจากความหนาแน่นของเมืองใหญ่ๆ เป็นสำคัญ ทำให้มีรูปแบบ "รถเช่าร่วม" กันเป็นจำนวนมาก อาทิ เช่น 2 ประเทศในเขตภูมิภาค ASEAN ที่เจริญที่สุด ทั้ง มาเลเซีย กับ สิงคโปร์, ประเทศมหาอำนาจในเอเชีย อาทิ อินเดีย ที่มีประชากรมากเป็นพันล้านคน เช่นเดียวกับ จีน, ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ และ 2 ประเทศในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ทั้ง ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ มีจำนวนสมาชิกมากถึง 2.3 ล้านคน และมีรถยนต์ที่เป็น Car Sharing มากถึง 22,844 คัน

2) กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป ด้วยความที่เป็นพื้นที่ที่เล็ก แต่เต็มไปด้วยประเทศเล็กประเทศน้อยมากมาย และทุกประเทศในยุโรปสามารถเดินทางไปหากันสะดวกสบาย แค่เน้นประเทศยักษ์ใหญ่ๆ ก็มากมายแล้ว อาทิ สหราชาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, สเปน, ออสเตรีย, สวิตเซอร์แลนด์ และ อิตาลี มีจำนวนสมาชิกมากถึง 2.2 ล้านคน และมีรถยนต์มากถึง 57,947 คันด้วยกัน

3)  ทวีปอเมริกาเหนือ จัดได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของประชากรมากพอตัว แค่ สหรัฐอเมริกา ประเทศเดียว ก็มากพอที่จะมีรูปแบบ "รถเช่าร่วม" แบบนี้แล้ว เพราะเป็นประเทศใหญ่ ปกครองแบบรัฐรวมที่แต่ละรัฐๆ มีเพื่อนใหญ่กว่าประเทศไทยเสียอีก มีจำนวนสมาชิกมากถึง 1.6 ล้านคน และมีรถยนต์มากถึง 24,210 คัน

 

 

ในปัจจุบันนี้ประชากรโลกอย่างพวกเราใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้น  ใครเลยจะรู้ว่า แค่มีสมาร์ทโฟน แท็บแล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ก็ได้สิ่งของที่อยากได้มาส่งถึงหน้าบ้าน อยากโอนเงินก็ไม่ต้องไปธนาคาร หรือตู้เอทีเอ็ม และหากจะเช่ารถยนต์สักคัน ทุกอย่างจบได้ด้วยแอปพลิเคชันแน่นอน  ทุกอย่างจบลงที่สมาร์ทโฟนจริงๆ น่าเหลือเชื่อไหมล่ะทุกคน

อย่างที่เราทราบกันดีว่าการซื้อรถหนึ่งคันนั้นไม่ได้จบแค่ราคารถยนต์เพียงอย่างเดียว และถ้ายิ่งซื้อเงินผ่อนก็ยังจะต้องมีภาระหนี้สินไปอีกอย่างน้อย 4-5 ปี  ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เราใช้รถจริงๆ ในแต่ละวันน้อยมาก “ Car sharing ” จึงเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคนที่ต้องการใช้รถในยามจำเป็น โดยที่คุณไม่ต้องซื้อรถยนต์แถมยังสามารถเลือกได้ตามต้องการสำหรับการใช้รถในแต่ละวัน และที่ดีไปกว่านั้น คุณยังไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงและค่าจิปาถะที่แสนจุกจิก

ความแตกต่างระหว่าง Car Sharing ต่างจากรถเช่าทั่วไป

รายการ Car Sharing รถเช่า
ระยะเวลาเช่า ตั้งแต่ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่ 1 วัน
เอกสาร ผ่านแอปพลิเคชั่น มีเอกสารต่างๆ
สถานที่รับรถ ตามจุดให้บริการทั่วไป สาขาที่ให้บริการ

 


บทความที่น่าสนใจ

ธุรกิจรถเช่า ยังน่าสนใจอยู่ไหม ทำแล้วได้กำไรเท่าไหร่ ?

[5 บริษัทรถเช่าอุบล] มาอุบลทั้งที จะเช่ารถอุบลที่ไหนดี?





สาขาของเรา