สวัสดีครับ พบกับบทความ เช่ารถตามหาของขลัง ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 12 แล้วหลังจากที่ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนบทความนี้นานแสนนาน เพราะเขียนบทความเรื่องอื่นอยู่นั่นเอง
ครั้งนี้เราลงใต้มาที่จังหวัดปัตตานี เพื่อมาเสาะแสวงหาของขลังที่วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม และถ้าท่านต้องการเดินทางมายังอารามแห่งนี้ แต่ท่านไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ได้โปรดมาเช่ารถกับเรา Ecocar ข้าพเจ้ารับรองว่าท่านจะได้พบกับความสะดวกสบายแน่นอนครับ
สามารถจองเช่ารถกรุงเทพ กับ ECOCAR rent-a-car ได้เลย
เช่ารถกรุงเทพ ราคาเท่าไหร่ ? สามารถสอบถามเรื่อง รถเช่ารายวัน ของ ECOCAR rent-a-car ได้เลย โดยจะมีรถยนต์หลากหลายรูปแบบที่จะให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น รถเก๋ง, รถกระบะ, รถยนต์หรู รวมไปถึง รถ 7 ที่นั่ง SUV และ รถตู้ สามารถสอบถามได้ เพียงแอดไลน์ @ecocar ได้เลย พร้อมเอกสารเบื้องต้น อาทิ บัตรประชาชน, ใบขับขี่ และ บัตรเครดิต หากไม่มีส่วนนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ว่าจะเป็นเอกสารแบบไหนแทนได้
เนื่องจาก วัดช้างไห้ราษฎร์บูรณาราม จังหวัดปัตตานี มีระยะทางที่ไกลพอสมควร กล่าวคือมีระยะทางที่ไกลเกือบ 1,100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม การขับรถเพียงวันเดียวหลายชั่วโมง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ และก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ท่านใช้เวลาเดินทาง 2 วัน
ในวันแรกของการเดินทาง ข้าพเจ้าแนะนำให้ท่านเดินทางไปถึงจังหวัด สุราษฎร์ธานีก่อน โดยแนะนำให้ท่านจัดแจงจองที่พักให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง เพื่อป้องกันปัญหาที่พักเต็ม
ข้าพเจ้าเริ่มต้นเส้นทางที่ Eco car สาขาดอนเมือง ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนวิภาวดีรังสิต วิ่งไปจนบรรจบถนนพหลโยธินที่แยกอนุสรณ์สถานฯ จากนั้นขับรถไปจนถึงแยกรังสิต แล้วเลี้ยวซ้าย บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 วิ่งตรงไปจนกระทั่งถึงแยกบางพูน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 345 เดินทางไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงแยกบางบัวทอง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 9 แล้ววิ่งไปตามถนนเส้นนี้จนสุดสายที่แยกบางขุนเทียน ต่อมาเลี้ยวขวาเข้าถนนพระรามที่ 2 วิ่งตามถนนพระรามที่ 2 จนสุดสายที่แยกวังมะนาว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เดินทางไปต่อเนื่องจนถึงแยกหุบกะพง ให้เบี่ยงขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 37 หรือเส้นบายพาสชะอำ-ปราณบุรี วิ่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งสุดสาย รถบรรจบถนนเพชรเกษมอีกครั้งหนึ่งที่แยกวังมะนาว จากนั้นท่านขับรถตามถนนเพชรเกษม จนบรรจบทางหลวงหมายเลข 41 ที่แยกปฐมพร จังหวัดชุมพร ให้ท่านขับตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ไปจนกระทั่งถึงอำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อท่านมาถึงสี่แยกผู้ใหญ่ญา ให้ท่านเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท สฎ.2007 แล้ววิ่งไปตามถนนเส้นนี้ประมาณ 25 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี อันเป็นจุดหมายปลายทางในวันแรก
หลังจากท่านพักผ่อนเต็มที่แล้ว ในวันที่สองก็เตรียมตัวเดินทางไปวัดช้างให้ราษบูรณารามได้เลย โดยข้าพเจ้าขอเริ่มต้นที่หน้าศูนย์ราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นเลี้ยวขวาตามถนนชนเกษม วิ่งจนกระทั่งถึงแยกบางใหญ่ ให้ตรงไปเพื่อบรรจบทางหลวงหมายเลข4009 จากนั้นให้ขับตรงมาเรื่อยๆจนกระทั่งบรรจบทางหลวงหมายเลข 44 ให้ท่านเลี้ยวซ้าย แล้ว U Turn จากนั้นวิ่งตามทางหลวงหมายเลข 44 ไปเรื่อยๆ แล้วจากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 วิ่งตามถนนเส้นนี้ไปจนสุดสายที่แยกเอเชีย จังหวัดพัทลุง รถจะบรรจบถนนเพชรเกษมหรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4วิ่งไปจนกระทั่งถึงแยกคลองหวะ อ.หาดใหญ่ แล้วให้ตรงไปเพื่อบรรจบทางหลวงหมายเลข 43 ขับตรงไปตามถนนเส้นนี้เรื่อยๆ จากนั้นเมื่อท่านถึงแยกดอนยางให้เลี้ยวขวาเพื่อบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 วิ่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงแยกนาเกตุ ให้ท่านตรงไปเพื่อบรรจบหทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 409 จากนั้นตรงไปสักพักใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท ปน.3032 ขับไปไม่ถึง 1 กิโลเมตร ท่านก็จะเจอกับวัดช้างไห้ราษฎร์บูรณาราม อันเป็นจุดหมายปลายทาง
วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นมากว่า 300 ปีมาแล้ว หากแต่ไม่ปรากฏว่าผู้สร้างเป็นใคร แต่ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับนางเจ๊ะสิตี ผู้เป็นน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิษฐานปล่อยช้างคู่เมืองออกเดินป่า โดยมีพระยาแก้มดำ น้องสาวและไพร่พลเดินติดตามช้างมาหยุด ณ ป่าแห่งหนึ่งพร้อมเดินวนเวียนและร้องขึ้น ๓ ครั้ง บริเวณนั้นคือวัดช้างให้ในปัจจุบันนั่นเอง
พระยาแก้มดำจึงเห็นว่าเป็นนิมิตหมายอันดี จึงจะใช้บริเวณดังกล่าวสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบจึงให้ช้างออกเดินทางหาทำเลใหม่พบกระจงขาววิ่งอยู่ น้องสาวจึงชักชวนไพร่พลวิ่งจับกระจงวิ่งไปบริเวณหาดทรายสีขาว นางรู้สึกชอบต่อสถานที่แห่งนี้ พระยาแก้มดำจึงสร้างเมืองให้ ปัจจุบันบริเวณนี้คือตำบลกรือเซะ
จากนั้นพระยาแก้มดำจึงเดินทางกลับเมืองไทรบุรีมาถึงที่ช้างเคยหยุดจึงพักแรมถางป่าและสร้างวัดชื่อ “วัดช้างให้” เมื่อเดินทางถึงเมืองไทรบุรีได้นิมนต์พระภิกษุซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ท่านลังกา” หรือ ”สมเด็จพระโคะ” หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ท่านลังกาเดินทางธุดงค์ไปมาระหว่างเมืองไทรบุรีกับวัดช้างให้และได้สั่งลูกศิษย์ว่าถ้าท่านมรณภาพขอให้นำศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้
เมื่อท่านมรณภาพที่เมืองไทรบุรี ลูกศิษย์ได้นำพระศพกลับวัดช้างให้เพื่อฌาปนกิจ ระหว่างเดินทางหยุดที่ใดก็จะปักไม้ไว้ (ปัจจุบันจึงมีสถูป ตามที่ต่างๆ) ลูกศิษย์ได้นำอัฐิส่วนหนึ่งกับเมืองไทรบุรี และส่วนหนึ่งฝังไว้ที่วัดช้างให้มีผู้คนมากราบไหว้บนบานอธิษฐาน ได้ผลตามความประสงค์ความศักดิ์สิทธิ์ จึงเลื่องลือไปไกล หลังจากนั้นวัดช้างให้ก็ร้างไปนาน
ปี พ.ศ.2480 พระครูมนูญสมภาร เจ้าอาวาสวัดพลานุภาพ เจ้าคณะตำบลทุ่งพลาให้พระช่วงมาเป็นเจ้าอาวาส พระช่วงได้ชักชวนชาวบ้านมาแผ้วถางป่าสร้างกุฏิศาลาการเปรียญหลังคามุงจาก พร้อมเสนาสนะอื่นๆ และได้ลาสิกขาเมื่อปี พ.ศ.2484
ปี พ.ศ.2484 พระอาจารย์ทิม ธมฺมธโร (พระครูวิสัยโสภณ) เป็นเจ้าอาวาสได้ตั้งชื่อตามกรมการศาสนาว่า “วัดราษฎร์บูรณะ” สร้างศาลาการเปรียญใหม่ กุฏิ 8 หลัง สร้างหอฉัน(โรงครัว) สร้างหอระฆัง สร้างพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเนื้อว่านรุ่นแรก ต่อมาปี พ.ศ.2497สร้างอุโบสถ สร้างวิหารประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อทวดสร้างสถูปบรรจุอัฐิหลวงพ่อทวด สร้างเจดีย์ สร้างกำแพงวัด และซื้อที่ดินตรงข้ามวัดสร้างโรงเรียนสมเด็จหลวงพ่อทวด เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม 2507 นำต้นโพธิ์จากอินเดียมาปลูกไว้ พระอาจารย์ทิมมรณภาพปี พ.ศ.2512 (เป็นเจ้าอาวาส28 ปี) ปัจจุบันได้มีการสร้างรูปเหมือนหุ่นขี้ผึ้งพระอาจารย์ทิมเท่าองค์จริง ประดิษฐานในวัดช้างให้
ปี พ.ศ.2512 พระครูใบฎีกาขาว เป็นเจ้าอาวาส ได้จัดงานพิธียกฉัตรทองยอดเจดีย์ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพิธียกฉัตรทองยอดพระเจดีย์วัดช้างให้ราษฎร์บูรณะ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2520
นอกจากนี้ในสมัยที่พระครูใบฎีกาขาวเป็นเจ้าอาวาส ได้ปรับปรุงสถูปสมเด็จหลวงพ่อทวด จัดซื้อที่ดินสร้างอาคารโรงเรียนราชมุนีรังสฤษฎิ์ (เป็นเจ้าอาวาส 9 ปี)ปี พ.ศ.2521 พระครูอนุกูลปริยัติกิจ ( สวัสดิ์ อรุโณ ) เป็นเจ้าอาวาสมาจนถึงพ.ศ. 2543
ในช่วงที่พระครูอนุกูลปริยัติกิจ เป็นเจ้าอาวาสนั้น ท่านได้ปลุกกระแสวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด โดยเมตตาให้จัดสร้างตามโอกาสและวัตถุประสงค์ที่เหมาะสม พร้อมให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ท่านยังมีบทบาทด้านการศึกษา ดังเช่นเป็นผอ.ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดช้างให้ กรรมการอุปถัมภ์โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนสมเด็จหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ส่งเสริมการศึกษาพระภิกษุสามเณรและเด็กยากจน ด้วยการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม-บาลี เป็นต้น และนอกจากนี้ท่านได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินเป็นศูนย์ฝึกศิลปาชีพ เพื่อให้ผู้ยากไร้ได้มีวิชาชีพติดตัว
ในปัจจุบันพระสุนทรปริยัติวิธาน หรือ พ่อท่านหย่วน เป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้
ของขลัง: พระพิมพ์ เหรียญ และรูปหล่อหลวงปู่ทวด
ของขลังของวัดช้างให้ คือวัตถุมงคลที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวด ไม่ว่าจะเป็น พระพิมพ์ เหรียญชนิดต่างๆ หรือรูปหล่อหลวงปู่ทวด มีพุทธคุณที่ผู้ซึ่งขับรถราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด ช่วยให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยันตราย อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์เสี่ยงตายต่างๆ มีคำกล่าวว่าถ้าแขวนหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง นอกจากนี้ยังมีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ มหาอุตม์ ไล่ภูตผี ป้องกันความอัปมงคล เสนียดจัญไรต่างๆ
#เช่ารถ #รถเช่า นึกถึงรถเช่า นึกถึงECOCAR
ไอดีไลน์ @ecocar
Call Center 020024606
0922848660
www.ecocar.co.th
www.thairentecocar.com
www.thairentecocar.co.th
แหล่งอ้างอิง
https://www.osmsouth-border.go.th/travel/detail/18
https://www.khaosod.co.th/newspaper/newspaper-inside-pages/news_6360193#google_vignette
https://www.sanook.com/news/9541822/
https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2784812
http://www.smilepra.com/category/หลวงปู่ทวด-วัดช้างให้-หลวงปู่ทวด-ทันอาจารย์ทิม
https://pattani.prd.go.th/th/content/category/detail/id/381/iid/67190