อ่านบทความเพิ่มเติมที่
1.เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ
เป็นพิพิธภัณฑ์จำลองสถานพื้นที่กว่า 800 ไร่ ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2506 โดยนายเล็ก วิริยะพันธุ์ นักธุรกิจเจ้าของบริษัทวิริยะประกันภัยและเครือธนบุรีพานิช จำกัด เมืองโบราณ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 ลักษณะที่ดินมีผังบริเวณคล้ายรูปขวาน และได้มีการจัดวางสถานที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศในทุกภาคตามผังที่ดิน
ภายในประกอบด้วยโบราณสถาน ปูชนียสถาน วัดโบราณ ตลาดน้ำ ตลาดบก พระราชวังต่างๆ เป็นต้น ซึ่งประกอบด้วยอาคารที่สร้างจำลองขึ้นใหม่ ด้วยการลดทอนสเกลลง หรือ อาคารจริงที่ย้ายมาตั้งไว้ยังเมืองโบราณเอง ภายในเมืองโบราณยังมีที่พักแรม ชื่อว่า "นครริมขอบฟ้า" อีกด้วย
2.ตลาดร่มหุบ จังหวัดสมุทรสงคราม
ตั้งขายอยู่ริมทางรถไฟใกล้สถานีรถไฟแม่กลอง ความยาวของตลาดประมาณ 100 เมตร บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะวางขายสินค้าบนพื้นจนติดกับรางรถไฟ เวลารถไฟมาก็ต่างหุบร่มที่กางและเก็บสินค้าภายในพริบตา จนเป็นที่มาของชื่อตลาดหุบร่มนั่นเอง พูดได้คำเดียวว่าที่นี่คือตลาดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศน่าตื่นเต้นที่สุดของเมืองไทยและคงไม่มีที่ใดให้ความอะเมซิ่งได้ เหมือนตลาดร่มหุบแห่งนี้อีกแล้ว โดยชื่อตลาดหุบร่ม หรือ "ตลาดเสี่ยงตาย" ที่เรียกกันนั้น เกิดจากการที่พ่อค้าแม่ขาย มาตั้งแผงค้าสองข้างทางติดกับทางรถไฟสายแม่กลอง-บ้านแหลมซึ่งเป็นรถไฟสายสั้นที่วิ่งระหว่างมหาชัย-แม่กลอง ทั้งนี้แผงค้าต่างๆ จะพากันกางร่มหรือผ้าใบไว้กันแดดกันฝนล้ำเข้าไปในทางรถไฟ
ส่วนคนที่มาจับจ่ายสินค้าก็จะใช้ ทางรถไฟเป็นถนนเดินเลือกซื้อ พลันที่สัญญาณบอกว่ากำลังจะมีขบวนรถไฟวิ่งผ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นก็จะอยู่ท่ามกลางความโกลาหล เมื่อพ่อค้าแม่ค้าต่างพากันเร่งรีบหุบร่มหรือผ้าใบที่กางไว้แข่งกับเวลา และพอรถไฟผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาก็จะกางร่มหรือผ้าใบล้ำเข้าไปในทางรถไฟเช่นเดิม
ภาพที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้กลายเป็นความชินตา ของผู้ที่มาซื้อหาสินค้า แม้แต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าเองต่างก็เห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน จนทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งใน อะเมซิ่งไทยแลนด์ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติต้องมีประสบการณ์ร่วมกับตลาดร่มหุบสักครั้งในชีวิต รู้ก่อนเที่ยว - ตลาดร่มหุบจะมีบรรยากาศของความวุ่นวาย 8 ครั้งต่อวันตามเวลาที่ขบวนรถไฟออกจากมหาชัยมาแม่กลอง และจากแม่กลองกลับไปยังมหาชัย กล่าวคือ รถไฟจะผ่านสถานีแม่กลองเวลา 08.30 น. 11.10 น. 14.30 น. 17.40 น. และจะออกจากสถานีแม่กลองเวลา 06.20 น. 09.00 น. 11.30 น. และ 15.30 น.
3.ทุ่งโปร่งทอง จังหวัดระยอง
ตั้งอยู่ในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ปากน้ำประแส อำเภอแกลง มีพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ซึ่งแต่เดิม เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านทำการประมง เลี้ยงกุ้ง ทำการเกษตร ทำสวนผลไม้ จนกระทั่งทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณนี้ ได้ถูกทำลาย และสิ่งแวดล้อมป่าชายเลนเสื่อมโทรมลง เทศบาลตำบลปากน้ำประแสได้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่พัฒนาป่าชายเลนผืนที่ใหญ่ที่สุดของ จ.ระยอง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และศึกษาเรียนรู้ควบคู่กันไป
โดยสร้างสะพานเดินศึกษาธรรมชาติเป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ทุ่งโปรงทอง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจในเรื่องระบบนิเวศน์ของป่าชายเลน ได้เห็นความสวยงามตามธรรมชาติของป่าโกงกาง ไม้โปรง และไม้ริมชายฝั่ง จุดเด่น คือต้นโปรงที่ขึ้นหนาแน่นอยู่เต็มพื้นที่สะท้อนสีเขียวอ่อน จนกลายเป็นทุ่งโปรงทองที่สวยงามแปลกตา
4.ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง ณ บางเลน จังหวัดนครปฐม
อยู่ที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เป็นตลาดแนวพักผ่อนเชิงธรรมชาติ เพื่อให้นักท่องเที่ยวจะได้มาพักผ่อนกับเพื่อนฝูง คนสนิท และครอบครัว สามารถมาชมบัวแดงได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญ ดอกบัวของทุ่งบัวแดง ณ บางเลน แห่งนี้ ไม่ว่าจะมาเที่ยวในเวลาไหนก็จะเห็นบัวบานได้ตลอดทั้งวัน ภายในตลาดน้ำมีร้านค้าขายอาหารทั้งคาวหวานให้ได้เลือกซื้อหามากมาย พร้อมบริการนั่งเรือชมทุ่งบัวแดง ให้ได้ลงลัดเลาะชมดอกบัวแดงแบบใกล้ๆ จะเซลฟี่กับดอกบัวก็ได้ ภายในตลาดมีมุมถ่ายภาพน่ารักๆ ให้ได้ถ่ายภาพหลายมุม
ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง มีพื้นที่ทั้งหมด 44 ไร่ เป็นบึงบัว 24 ไร่ บัวที่ปลูกมีอยู่ 2 สายพันธุ์ บัวแดงสายพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่งจะบานตอนเช้า ถ้ามาสายอาจจะไม่ได้ชม และอีกสายพันธุ์ เป็นบัวแดงพันธุ์มะเหมี่ยว ซึ่งบัวมะเหมี่ยวจะบานสาย และจะบานไปตลอดทั้งวัน ทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมบัวได้ตลอดทั้งวัน
5.ทะเลบางแสน จังหวัดชลบุรี
หาดบางแสน ในทะเลของอ่าวไทยแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักและนิยมมาอย่างยาวนานของนักท่องเที่ยว ด้วยความที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร ด้วยการเดินทางรถยนต์ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ มีความยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตรปัจจุบันอยู่ในการดูแลของเทศบาลเมืองแสนสุข หาดบางแสน ได้ชื่อสถานที่นี้มาจากนิทานพื้นบ้านความรักของชายหนุ่มที่ชื่อ "แสน" กับหญิงสาวที่ชื่อ "สามมุข" ที่ไม่สมหวังในความรัก จึงพากันกระโดดน้ำตายและกลายเป็นชื่อสถานที่ต่างๆ ในตัวจังหวัดชลบุรี รวมถึงศาลเจ้าแม่สามมุข ที่อยู่ใกล้เคียงกัน หาดบางแสน รวมไปจนถึงพัทยา
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี จะเป็นสถานที่เล่นน้ำสงกรานต์และประเพณีสงกรานต์ของท้องถิ่นที่เรียกว่า "วันไหล" ซึ่งจะจัดหลังประเพณีสงกรานต์ในส่วนอื่นๆ น้ำทะเลที่หาดบางแสนในช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป เป็นเวลาประมาณ 5 เดือน จะมีความใสเหมือนกับน้ำทะเลที่หาดทรายในต่างประเทศ เช่น มัลดีฟส์ โดยเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
6.พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี
ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2452 โดยท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมยุคบาโรก (Baroque) ของยุโรป เพื่อใช้เป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หากเสด็จมณฑลปราจีนบุรีแต่รัชกาลที่ 5 ทรงสวรคตเสียก่อน จากนั้นตึกหลังนี้จึงใช้เป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ คราเสด็จมณฑลปราจีนบุรี โดยที่ท่านเจ้าของตึกไม่เคยใช้ตึกหลังนี้เป็นที่พำนักส่วนตัวเลยตราบจนสิ้นอายุขัย หลังจากเจ้าพระยาอภัยภูเบศรอสัญกรรม
ตึกหลังนี้ตกเป็นของตระกูลอภัยวงศ์ และได้ถวายกรรมสิทธิ์ในตึกตลอดจนที่ดินรอบบริเวณให้กับพระนางเจ้าสุวัทนาฯ ซึ่งเมื่อพระองค์จะโดยเสด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาพระราชธิดาไปประทับที่ประเทศอังกฤษ จึงประทานที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดแก่มณฑลทหารบกที่ 2 จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อใช้เป็นสถานพยาบาลสำหรับทหารและประชาชนทั่วไป และต่อมาได้โอนมาเป็นของกรมสาธารณสุข จัดตั้งเป็นโรงพยาบาลปราจีนบุรี และได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรนั้น เดิมเป็นตึกอำนวยการ มีการดัดแปลงทำชั้นล่างเป็นห้องตรวจโรค ห้องจำหน่ายยา และห้องผ่าตัด ชั้นบนทำหน้าที่รับคนไข้หญิง
ตึกได้ถูกใช้งานเป็นโรงพยาบาลจนถึงปี พ.ศ.2512 หลังจากที่ตึกอำนวยการในปัจจุบันได้ก่อสร้างเสร็จ โรงพยาบาลจะใช้ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรในการประชุมสัมมนาในบางกรณี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2533 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็นโบราณสถาน และได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นประเภทอาคาร จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ปี พ.ศ.2537 โรงพยาบาลจึงจัดทำโครงการพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย เพื่อให้เป็นแหล่งการศึกษา ค้นคว้า อ้างอิงรวบรวมการอนุรักษ์ตำรายาไทย การแพทย์ไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งมีการดำเนินการเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากนายแพทย์ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้มีการจัดตั้งมูลนิธิหมื่นชำนาญแพทยา(พลอย แพทยานนท์)
7.สวนสนุกดรีมเวิลด์ จังหวัดปทุมธานี
เป็นสวนสนุกและสถานที่พักผ่อนที่รวบรวมความบันเทิงนานาชนิดเข้าไว้ด้วยกัน มีเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 160 ไร่ตั้งอยู่ที่ กม.7 รังสิตนครนายก (คลอง3) ดรีมเวิลด์ เกิดขึ้นจากความคิดริเริ่มของตระกูลกิติพราภรณ์ ซึ่งในขณะนั้นได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสวนสนุกคือ สวนสนุกแดนเนรมิต ที่มาของโครงการ จากประสบการณ์อันยาวนานในการบริหารงานสวนสนุกแดนเนรมิต ทำให้ผู้บริหารมองว่า ในปัจจุบันโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ มีสวนสนุกประเภทนี้เพียง 3 แห่งเท่านั้นคือ แดนเนรมิต, สวนสยามและซาฟารีเวิลด์ ซึ่งยังไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของคนกรุงเทพฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้ ผู้บริหารจึงมีโครงการที่จะเปิดสวนสนุกแห่งใหม่ขึ้น เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นปอดแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯรวมถึงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท จินตนาการที่ไม่มีขอบเขตและความร่วมมือร่วมใจของผู้เชี่ยวชาญมากมายหลายสาขาทำให้ดรีมเวิลด์ ถูกเนรมิตขึ้นมาให้เป็นโลกแห่งความสุขสำหรับครอบครัวแห่งใหม่ที่ทุกเพศทุกวัยสามารถสนุกสนานกับเครื่องเล่นที่ทันสมัย ชมการแสดงต่าง ๆ ที่สุดแสนประทับใจหรือพักผ่อนกับบรรยากาศที่สวยงามและร่มรื่นด้วยพฤกษานานาพันธุ์
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 ดรีมเวิลด์เปิดบริการเป็นวันแรกโดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก ดรีมเวิลด์มีนโยบายที่จะพัฒนาและปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นที่แปลกใหม่บรรยากาศที่สดใสการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจประกอบกับการพัฒนาทางด้านบุคลากรให้มีคุณภาพส่งผลให้ดรีมเวิลด์ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนทำให้กลายเป็นสถานที่ที่ครอบครัวนิยมมาพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์
สวนสนุกดรีมเวิลด์ประกอบด้วยความบันเทิงต่างๆ ที่ถูกออกแบบให้มีบรรยากาศแห่งความสุขสนุกสนานที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความงดงามของสถาปัตยกรรมอันวิจิตรพิสดาร รวมไปถึงอุทยานสวนสวยที่ถูกตัดแต่งไว้เป็นลวดลายงดงามวิจิตรตระการตาท่ามกลางความเย็นสบายจากเลคออฟพาราไดซ์ (LAKE OF PARADISE) ทะเลสาบขนาดใหญ่มีเนื้อที่กว่า 4 ไร่ ที่เนรมิตบรรยากาศโดยรอบไว้อย่างงดงาม รวมไปถึงดินแดนแห่งความสุขที่ทุกท่านจะได้เพลิดเพลินจากการเดินเที่ยวชมและถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ตลอดทั้งวัน
8.เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงส่วนที่เป็นแหลม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2265 เรียกว่า ฃคลองลัดเกร็ดน้อย ในจังหวัดนนทบุรี (คลองลัดเกร็ดใหญ่อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนท้ายอำเภอสามโคกมาทางใต้ถึงคลองขวางเชียงราก) ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้น เซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ ชื่อเดิมเรียกว่าเกาะศาลากุน
เกาะเกร็ดมีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สังเกตได้จากวัดวาอารามต่าง ๆ บนเกาะส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่คงจะมาร้างคนเมื่อพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยา หลังจากกอบกู้เอกราชได้ พระเจ้าตากสินมหาราชจึงโปรดให้ชาวมอญมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ โดยชาวมอญบนเกาะเกร็ดนั้น มีทั้งที่เข้ามาในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้นแล้วเกาะศาลากุน จึงมีฐานะเป็นตำบล และเรียกว่า ตำบลเกาะเกร็ด เกาะนี้จึงมีชื่อว่าเกาะเกร็ด เมื่อข้ามเรือมายังเกาะเกร็ดสิ่งแรกที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยนั้นคือสองข้างทางเต็มไปด้วยชุมชนที่นำขนมไทย อาหารคาวหวานออกมาขายถึงหน้าบ้าน และมนต์เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งเกาะเกร็ดถือได้ว่าเป็นแหล่งชุมชนคนมอญที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องปั้นดินเผา ดังนั้นเกาะเกร็ดจึงเต็มไปด้วยเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นสินค้าของฝากชั้นดีที่ควรซื้อกลับบ้านเป็นอย่างยิ่ง
9.ท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร
รถสามล้อถีบโบราณ ท่าเรือข้ามฟาก ท่าฉลอม-มหาชัย และถนนถวาย 3 สิ่งสามัญประจำถิ่นซึ่งเฉลยคำว่า “ท่าฉลอม” ด้วยอัตลักษณ์และเรื่องเล่า การเป็นสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรกของสยามประเทศ สรุปบันทึกเหตุการณ์ได้ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดํารัสในวันประชุมเสนาบดี ภายหลังเสด็จประพาสเมืองนครเขื่อนขันธ์ (ปัจจุบันคือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ) ว่า ‘โสโครกเหมือนกับตลาดท่าจีน (ท่าฉลอม)’ ซึ่งเป็นเหตุให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพมีหนังสือตราพระราชสีห์น้อยถึงผู้ว่าราชการเมืองสมุทรสาคร และเป็นที่มาของการที่ประชาชนและพ่อค้าในตำบลท่าฉลอมร่วมใจกันสละเงินรวมจำนวน 5,472 บาท โดยนำมาทำเป็นถนนปูอิฐขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 428 เมตร และจ้างคนปัดกวาดเทขยะมูลฝอยทิ้งจนตลาดท่าจีนสะอาดสมความตั้งใจ
หลังจากนั้น รัชกาลที่ 5 จึงพระราชทานนาม “ถนนถวาย” ดังความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ เสียสละของชาวท่าฉลอมซึ่งพัฒนาท้องถิ่นไทยตามแนวพระราชดำริของพระองค์ และมีพระบรมราชานุญาตเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2448 ให้จัดตั้งเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของสยามประเทศ จากนั้นในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดําเนินมาเพื่อเปิดถนนเส้นนี้ เป็นเหตุให้วันที่ “18 มีนาคม” ของทุกปี เป็นวัน “ท้องถิ่นไทย” ของประเทศไทย ท่าฉลอมเป็นที่รู้จักอย่างโด่งดัง และถูกจดจำได้อีกครั้ง จากการเป็นสถานที่ในบทเพลง “ท่าฉลอม” ของชรินทร์ นันทนาคร ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักระหว่าง “พี่อยู่ไกลถึงท่าฉลอม” และ “พยอมที่อยู่ฝั่งมหาชัย” และแม้ปัจจุบันท่าเรือข้ามฟากแห่งนี้แทบจะไม่หลับใหล ให้ “พี่” ต้องไกล “พยอม” อีก แต่ภาพมะพร้าวลอยเท้งเต้งเหนี่ยวนำความรักของพี่จากฝั่งท่าฉลอมสู่มหาชัย ยังอยู่ในใจพยอมทั้งสองฝั่งอยู่เสมอ
10.วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา
วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เดิมชื่อว่า วัดหงษ์ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.98 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง
ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริดปางสมาธิหน้าตักกว้างศอกเศษ มีรูปทรงสวยงามมาก ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน แต่เดิม หลวงพ่อพุทธโสธรประทับอยู่ในโบสถ์หลังเก่าที่มีขนาดเล็ก รวมกับพระพุทธรูปอื่น ๆ 18 องค์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จราชดำเนินมาที่วัดแห่งนี้
มีพระราชปรารภเรื่องความคับแคบของพระอุโบสถเดิม พระพรหมคุณาภรณ์ (จริปุณโญ ด. เจียม กุลละวณิชย์) อดีตเจ้าอาวาสจึงได้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อจัดซื้อที่ดินสำหรับสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานการสร้าง และทรงเป็นผู้กำกับดูแลงานสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ. 2531 และทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ น้ำหนัก 77 กิโลกรัม ประดิษฐานเหนือยอดมณฑป เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรงตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549
การก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างขึ้นครอบพระอุโบสถหลังเดิม โดยใช้เทคนิควิศวกรรมสมัยใหม่ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อพุทธโสธร และพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์ งานออกแบบด้านสถาปัตยกรรม โดยนายประเวศ ลิมปรังษี งานด้านวิศวกรรมโครงสร้าง โดย สำนักออกแบบนายอรุณ ชัยเสรี ศิลปะภายในพระอุโบสถหลวงพ่อพุทธโสธร ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบนับตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดานจะบรรจุเรื่องราวให้เป็นแดนแห่งทิพย์ เป็นเรื่องราวของสีทันดรมหาสมุทร จตุโลกบาล สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พรหมโลก ดวงดาว และจักรวาล โดยตำแหน่งของดวงดาวบนเพดาน
กำหนดตำแหน่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 ณ เวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ วัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นวัดที่มีผู้คนมาอธิษฐานขอพรกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะมีผู้คนแวะเวียนกันมาหนาแน่นตลอดทั้งวัน หากใครประสบผลสำเร็จในคำขอพร คำบนบาน ก็มักจะมาแก้บนกันด้วยไข่ต้ม หรือ ละครรำ แต่ไข่ต้มนั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก จนทำให้การถือตะกร้าไข่ต้มในวัดแห่งนี้เป็นเรื่องปกติไปเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 ที่เที่ยวไม่ไกลกรุงเทพ ระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร น่าสนใจทั้งนั้นเลยใช่ไหมละ และสำหรับใครก็ตามที่อยากจะเช่ารถเพื่อออกไปเที่ยวสถานที่ดังกล่าว ขอให้คิดถึงสามารถมาใช้บริการเช่ารถกับเรา เช่ารถขับเอง กับ ECOCAR RENT-A-CAR ได้เลยนะ บริษัทเช่ารถนี้จดทะเบียนกับกรมการค้าแล้ว มาด้วยประสบการณ์ในการให้บริการเช่ารถมามากกว่า 8 ปี มีรถยนต์หลายร้อยคัน ทุกคันมีคุณภาพดี อายุใช้งานไม่ถึง 5 ปี มากด้วยบริการที่หลากหลาย ทั้งเช่ารถขับเอง-เช่ารถพร้อมคนขับ-เช่ารถระหว่างซ่อม-เช่ารถหรู-เช่ารถตู้-เช่ารถกระบะ-เช่ารถมอไซต์-เช่ารถรายวัน-เช่ารถรายเดือน ทุกคันมีน้ำมันเติมให้เต็มถัง พร้อมกับประภัยชั้นหนึ่งให้ด้วย มีแม่แรงและยางอะไหล่ไว้เปลี่ยนให้ ที่สำคัญคือรถทุกคันขับขี่ไปได้ทั่วไทย ไม่จำกัดระยะทางด้วยนะ
และถ้าใครอยากจะเช่ารถจากกรุงเทพเพื่อไปต่างจังหวัด แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ขอให้อ่านบทความ
อยากเช่ารถกรุงเทพ ไปต่างจังหวัด ต้องทำอย่างไร รอเอาไว้เลย เราได้แนะนำเป็นไกด์นำทางเรียบร้อยแล้ว
อ่านบทความ เช่ารถกรุงเทพ เพิ่มเติม
[6 สาขาในกรุงเทพ] เช่ารถกรุงเทพฯที่ไหนดี