ถึงเวลาท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวกันอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าทริปหน้าหนาวเมืองไทย ย่อมหนีไม่พ้นการไปเที่ยวเชียงใหม่ บ้านเฮา และหากว่าคุณยังไม่รู้ว่าจะไปปักหมุดทริปนี้ที่ไหนดี ECOCAR มีสถานที่เที่ยวเชียงใหม่ในเขตดอยสุเทพมาฝาก ไม่ว่าคุณจะอยากไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ ชมธรรมชาติสวยงามรอบพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ไปเที่ยวเล่นน้ำตกมณฑาธาร ไปถ่ายรูปดอยสุเทพ เซลฟี่กับธรรมชาติสวยสะกดใจ และอีกมากมายกิจกรรมที่ทำได้ในในเขตดอยสุเทพแห่งนี้ ด้วยความที่มีเสน่ห์ของยอดดอยที่มีชื่อเสียงที่สุด มีธรรมชาติรายล้อมมากมายที่สุด จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสกับดอยสุเทพแห่งนี้ แต่สถานที่ท่องเที่ยวแถวดอยสุเทพก็มีมากมายเหลือเกิน
วันนี้เราจึงรวบรวม 5 แหล่งเที่ยวสำคัญที่แนะนำว่าต้องไปเมื่อมาดอยสุเทพแห่งนี้กัน บอกเลยว่าต้องไปให้ได้ กับดอยสุเทพ@เชียงใหม่แห่งนี้ สักครั้งในชีวิต สำหรับผู้ที่กำลังจะวางแผนเดินทางไปที่เชียงใหม่และกำลังมองหารถเช่าเชียงใหม่ราคาถูก สามารถจองรถเช่าออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง กับ ECOCAR rent-a-car ได้ที่นี่ในตอนนี้และทันทีเลยนะ รถเช่าเชียงใหม่ราคาถูก
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่
วัดพระธาตุดอยสุเทพ
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นโทชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย วัดมีความสูงจากระดับที่ราบเชียงใหม่ราว 689 เมตร และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,046 เมตร เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อสร้างตามแบบศิลปะล้านนา มีเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น ลานเจดีย์เป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1927 (จ.ศ. 746) ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์มังราย
พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง พร้อมกับทำประทักษิณสามรอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น ด้วยเหตุนี้จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าในบริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น
ในปี พ.ศ. 2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้โปรดฯให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ ในปีพ.ศ. 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม เมืองลำพูนได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่งถึงสมัยครูบาศรีวิชัย ได้สร้างถนนยาวตั้งแต่ช่วงสวนสัตว์เชียงใหม่ผ่านวัดพระธาตุดอยสุเทพและไปสิ้นสุดที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ โดยถนนที่สร้างนี้มีความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร ถือเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของดอยสุเทพที่ถ้าไม่ได้มาที่นี่เหมือนมาไม่ถึงเลยทีเดียว
พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,373.197 เมตร ในเนื้อที่โดยรอบประมาณ 284 ไร่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างขึ้น ในปี พ.ศ. 2504 และพระราชทานนาม พระตำหนักองค์นี้ว่าภูพิงคราชนิเวศน์ โดยทรงเลือกจาก หนึ่งใน 2 ชื่อ ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครั้งเป็นที่ พระศาสนโสภณ เป็นผู้คิดชื่อถวาย คือ “พิงคัมพร” กับ “ภูพิงคราชนิเวศน์”
พระตำหนักแห่งนี้ ใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรม ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงงาน และเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือ รวมทั้งเพื่อรับรองพระราชอาคันตุกะที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทยในโอกาสต่างๆ การที่ทรงเลือกสร้างที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีอากาศเย็นสบาย ภูมิประเทศสวยงาม อีกทั้งเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน ผู้คนพลเมืองยังดำรงรักษาจารีตขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามไว้
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีลักษณะเป็นแผนผังแบบเรือนไทยภาคกลางที่เรียกว่า “เรือนหมู่” มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นไทยประเพณีประยุกต์ ก่ออิฐถือปูน ยกพื้นสูงหลังคาทรงไทย ภายในประกอบไปด้วยท้องพระโรง ห้องเสวย ห้องบรรทม และห้องสรง และส่วนที่ประทับสำหรับพระราชอาคันตุกะ โดยมีเฉลียงใหญ่ และพลับพลาหอนกเป็นที่ประทับทอดพระเนตรทัศนียภาพของเมืองเชียงใหม่ ชั้นบนเป็นที่ประทับ ชั้นล่างเป็นที่อยู่ของมหาดเล็ก และคุณข้าหลวง ออกแบบแปลนโดยหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร สถาปนิกพิเศษ กรมศิลปากร ออกแบบรูปด้านโดยหม่อมราชวงศ์ มิตรารุณ เกษมศรี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ดำเนินการก่อสร้างโดยมีหม่อมเจ้า สมัยเฉลิม กฤดากร เป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี และนายประดิษฐ์ ยุวพุกกะ จากกองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากรเป็นผู้ช่วย และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกหลวงกัมปนาท แสนยากร องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ในการวางศิลาฤกษ์พระตำหนักเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2504 เวลา 10 นาฬิกา 49 นาที
การก่อสร้างพระตำหนักใช้เวลา 5 เดือนก็แล้วเสร็จ จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เป็นทั้งสถาปนิก และมัณฑนากรออกแบบ ตกแต่ง ภายในพระตำหนัก ทั้งในส่วนที่ประทับและส่วนที่ใช้รับรองพระราชอาคันตุกะทั้งหมด โดยออกแบบให้เป็นแบบไทยประยุกต์ ดัดแปลงให้เหมาะสมกับการใช้แบบสากลมากขึ้น
ทุกคนสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้โดยเสียค่าบัตร 20 บาท แต่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของเขตพระราชฐานด้วย เช่น ห้ามส่งเสียงดังหรือก่อความไม่สงบในลักษณะใดๆ, โปรดแต่งกายให้เหมาะสม ห้ามสวมกางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม และเสื้อแขนกุด, ห้ามเข้าแปลงดอกไม้และสนามหญ้า ห้ามเด็ดดอกไม้, ห้ามพกพาอาวุธทุกชนิด, ห้ามนำสุนัขและสัตว์เลี้ยงทุกชนิดเข้าโดยเด็ดขาด, ห้ามใช้โดรนในเขตพระราชฐาน เป็นต้น
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ–ปุย
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม และอำเภอหางดง ของจังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ทั้งหมด 163,162.5 ไร่หรือประมาณ 261 ตารางกิโลเมตร จุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติอยู่บริเวณที่เรียกว่า ดอยปุย ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,685 เมตร อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ประกอบด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์
แม้ว่าจะตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่มาก แต่ป่าส่วนใหญ่อยู่บนภูเขาสูงสลับซับซ้อน ภูเขาสำคัญได้แก่ ดอยสุเทพ ดอยปุย เป็นต้น นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญ 2 แห่งได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร และพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ชื่อเดิมของพื้นที่คือดอยอ้อยช้าง ชื่อดอยสุเทพได้รับแรงบันดาลใจจากฤๅษีวาสุเทพ ที่ครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ในป่าในท้องถิ่น ในปี พ.ศ. 2516 กรมป่าไม้เสนอให้ป่าไม้นี้และป่าอื่นอีก 13 แห่งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 24 ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2524 ปัจจุบันมีพื้นที่ประมาณ 261 ตารางกิโลเมตร
ที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนอยู่ในแนวเทือกเขาถนนธงไชยที่สืบเนื่องต่อจากเทือกเขาหิมาลัย ความสูงของพื้นที่อยู่ระหว่าง 330-1,685 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยมียอดดอยปุยเป็นจุดที่สูงที่สุด นอกจากนี้มียอดเขาต่างที่สูงลดหลั่นกันมา ได้แก่ ยอดดอยสุเทพที่บริเวณสันกู่ สูง 1,601 เมตร ยอดดอยแม่สาน้อย สูง 1,549 เมตร ยอดดอยค่อมร่อง สูง 1,459 เมตร ยอดดอยบวกห้าบริเวณพระตำหนักภุพิงค์ราชนิเวศน์ สูง 1,400 เมตร ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ สูง 1,130 เมตรจากระดับน้ำทะเล
สำหรับพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่อยู่ในเขตอำเภอแม่แตงมีความสูงอยู่ในระหว่าง 400-980 เมตรจากระดับน้ำทะเล ลักษณะโครงสร้างทางธรณีของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โดยทั่วไปประกอบด้วย หินอัคนี ชนิดที่สำคัญได้แก่ หินแกรนิต นอกจากี้ยังมีหินชั้นและหินแปร เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของตัวเมืองเชียงใหม่ และพื้นที่บางส่วนของอำเภอรอบๆ ได้แก่ อำเภอแม่ริม อำเภอหางดง อำเภอสะเมิง และอำเภอแม่แตง มีลำห้วยที่สำคัญได้แก่ ห้วยตึงเฒ่า ห้วยแม่หยวก ห้วยแก้ว ห้วยช่างเคี่ยน ห้วยปงน้อย ห้วยแม่เหียะ ห้วยแม่นาไทร และห้วยแม่ปอน เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งต้นน้ำลำธารที่ไหลลงสู่ แม่น้ำปิง
สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปของพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดพาเอาความชุ่มชื้นและเมฆฝนเข้ามาทำให้ฝนตก และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดมาจากประเทศจีนจะนำเอาความหนาวเย็นและความแห้งแล้งเข้ามา ทำให้เกิดฤดูกาลต่างๆ โดยจะมีฤดูร้อนในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ฤดูฝนในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน และฤดูหนาวในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ สลับกันไป แต่เนื่องจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยมีความหลากหลายทางด้านระดับความสูงและมีเทือกเขาสลับซับซ้อนสูง ทำให้ลักษณะอากาศในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก
โดยทั่วไปแล้วสภาพภูมิอากาศในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติมีค่าอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 2-23 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปีระหว่าง 1,350-2,500 มิลลิเมตร โดยมีจำนวนวันที่ฝนตกเฉลี่ย 139 วัน และมีค่าเฉลี่ยความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดปีระหว่าง 70-80 เปอร์เซ็นต์ สำหรับบริเวณที่สูงของอุทยานแห่งชาติ เช่น บริเวณยอดดอยปุย สภาพอากาศโดยทั่วไปจะหนาวเย็นและชุ่มชื้น เนื่องจากได้รับไอน้ำจากเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่เกือบตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในพื้นที่อยู่ระหว่าง 10-12 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ในวันที่อากาศหนาวจัด ค่าอุณหภูมิอาจลดลงถึง 4-5 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวสามารถมากางเต้นท์ดูทะเลหมอกและสัมผัสอากาศยามเช้าได้ที่นี่เลย
ยอดดอยปุย
เป็นที่อยู่ของหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) อยู่เลยขึ้นไปจากพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ 4 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งของดอยปุยอยู่ในแนวของเทือกเขาถนนธงชัย สูงจากระดับน้ำทะเล 1,658 เมตร สภาพภูมิประเทศของดอยปุยเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และป่าสน และดอกไม้เมืองหนาวที่ชาวเขาปลูกไว้
ถ้ามาในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคมดอกนางพญาเสือโคร่งจะออกดอกสีชมพูสวยงาม บนดอยปุยมีอากาศหนาวเย็นและชื้นเกือบตลอดทั้งปี ทางขึ้นไปยังดอยปุยเป็นถนนลาดยาง คดเคี้ยว ทางแคบพอรถสวนกันได้ และลาดชันเป็นบางช่วง บริเวณรอบๆ หมู่บ้านชาวเขา มีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างยิ่งและยังสามารถมองเห็นดอยอินทนนท์เบื้องหน้าได้อย่างชัดเจนอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้สะดวกเพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง เดินทางได้ทั้งรถส่วนตัวและรถแดง โดยใช้เวลาในการเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ภายในหมู่บ้านมีร้านขายของที่ระลึกซึ่งมีทั้งผลิตภายในหมู่บ้านและนำมาจากที่อื่นวางขายให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย หรือถ้าต้องการเช่าชุดชาวเขาใส่ถ่ายรูป มีให้เช่าที่ด้านหน้าทางเข้า ใกล้กับยอดดอยปุยมีสถานที่สำหรับกางเต็นท์ ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 250 คน ซึ่งห่างจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ประมาณ 7 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างแคบและลาดชัน สำหรับผู้ที่ไม่ชินเส้นทาง ควรเดินทางไปถึงก่อนเวลา 17.00 น. เพื่อความสะดวกและปลอดภัย
น้ำตกมณฑาธาร
น้ำตกแห่งนี้เดิมชาวบ้านเรียกว่า “น้ำตกสันป่ายาง” มีทั้งหมด 3 ชั้น มีต้นกำเนิดมาจากยอดดอยปุย ซึ่ง ไหลผ่านลำห้วยคอกม้ามายังหน้าผาสูงราว 30 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่างพร้อมละอองน้ำฟุ้งกระจายไป ทั่วบริเวณ สายน้ำนี้ยังไหลต่อไปยังผาเงิบ วังบัวบาน และน้ำตกห้วยแก้ว ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำปิงต่อไป น้ำตกมณฑาธาร ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จ.เชียงใหม่ แต่ด้วยความลำบากและอันตรายของเส้นทางทำให้ปัจจุบันทางอุทยานแห่งชาติเปิดให้เที่ยวชมแค่ง่ายๆ 2 ชั้น ซึ่งนั่นเพียงพอและคุ้มค่าแก่การเที่ยวชม
ชั้นหนึ่งดูพลิ้วไหวสวยงาม สายน้ำไหลลดหลั่นลงมาตามหน้าผาหลายชั้น ส่วนชั้นที่สองมีแอ่งน้ำใหญ่ไม่ลึกมากเหมาะแก่การเล่นน้ำสุดๆ ที่ น้ำตกมณฑาธาร มีบ้านพักและลานกางเต็นท์บริการด้วยนะ แต่แนะนำเฉพาะในช่วงเทศกาลหน้าหนาวจะดีที่สุด เพราะในช่วงอื่นคงโหวงเหวงเกินไป น้ำตกมณฑาธาร เป็นสถานที่หนึ่งในเส้นทางก่อนขึ้นถึงดอยสุเทพ ความงามของน้ำตก 9 ชั้น ข้างทางจะพบไม้ยืนต้นมณฑา ดอกสีขาว ใบใหญ่ สีเขียวสด สามารถเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ดูนก และเล่นน้ำตก น้ำตกมณฑาธารหรือน้ำตกสันป่ายาง
เป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งในเขตอุทยานฯ สูงกว่าระดับน้ำทะเล 730 เมตร มีทั้งหมด 9 ชั้น โดยมีน้ำตกไทรย้อย เป็นน้ำตกชั้นสูงสุด ที่ไหลมาจากห้วยคอกม้า น้ำตกมณฑาธาร น้ำตก 9 ชั้น น้ำตกมณฑาธาร ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ต.สุเทพ อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่ น้ำตกมณฑาธาร มีอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำตกสันป่ายาง เป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งในเขตอุทยานฯ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 730 เมตร มีน้ำตกอยู่ 9 ชั้น โดยมีน้ำตกไทรย้อย เป็นน้ำตกชั้นสูงสุด ที่ไหลมาจากห้วยคอกม้า เหมาะสำหรับการไปเที่ยวผักผ่อนและเดินศึกษาธรรมชาติ เพราะมีความร่มรื่นและเงียบสงบ เพื่อนๆสามารถมาเล่นน้ำตกคลายร้อนได้ที่นี่สบายๆเลย
1. รถยนต์ส่วนตัว
สามารถนำรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนตัว ขับขึ้นไปได้-จาก อำเภอเมืองเชียงใหม่ เดินทางโดยรถยนต์ไปตามถนนห้วยแก้ว-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผ่านสวนสัตว์เชียงใหม่ และผ่านอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย จากอนุสาวรีย์ฯ ถนนเริ่มขึ้นเขาชันระยะทางประมาณ14 กิโลเมตรผ่านน้ำตก ห้วยแก้ว ถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพวรวิหาร จากนั้นเดินทางต่อไปอีกเล็กน้อยถึงทางแยกด้านขวามือ มีป้ายบอก ทางเข้าที่ทำการอุทยานฯ
-จากดอยสุเทพประมาณ 4 ก.ม. ไปพระตำหนักภูพิงค์ (รถบัสไม่สามารถเข้าถึงได้และจากจากพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ไปประมาณ 4 กิโลเมตร ไปยังบ้านม้งดอยปุย เส้นทางจะคดเคี้ยว และลาดชันควรขับรถด้วยความ ระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยควรจอดรถทิ้งไว้ที่พระตำหนัก แล้วนั่งรถสองแถวบริการนำเที่ยวพระตำหนัก ภูพิงคราชนิเวศน์ยอดดอยปุย และบ้านม้งดอยปุย จะดีกว่า
-การเดินทางไปสันกู่ใช้เส้นทางพระตำหนักภูพิงค์-ยอดดอยปุย ผ่านทางแยกบ้านแม้วไปอีก 3 ก.ม. สภาพถนน เป็นถนนลาดยางแต่ค่อนข้างแคบ ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง
-ยอดดอยปุย อยู่ห่างจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ประมาณ 7 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างแคบ และลาดชัน ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง ทางขึ้นเลยสันกู่ไปประมาณ 1 ก.ม.
2. รถโดยสารประจำทาง
-จากตัวเมืองเชียงใหม่นั่งรถโดยสารมาลงหน้าสวนสัตว์เปิดเชียงใหม่ แล้วต่อรถโดยสารนำเที่ยวดอยสุเทพ หรืออาจจะเหมาไปก็ได้ หากไม่ได้เหมาไปรถโดยสารนำเที่ยวจะไปยังจุดที่สำคัญๆ ได้แก่ พระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ และบ้านม้งดอยปุย หากต้องการไปเที่ยวในจุดอื่นๆ เพิ่มเติมสามรถต่อรองกันราคาเพิ่มเติมได้
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับเรื่องราวของดอยสุเทพที่นำเสนอไป ทั้งหมดนี้น่าสนใจเลยใช่ไหมละ และสำหรับใครก็ตามที่อยากเช่ารถขับเองเพื่อไปเที่ยวดอยสุเทพ ขอให้คิดถึง เช่ารถขับเอง กับ ECOCAR RENT-A-CAR ไว้ในใจเลยนะ บริษัทเช่ารถนี้จดทะเบียนธุรกิจกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว มากด้วยประสบการณ์ในการให้บริการเช่ารถมามากกว่า 8 ปี มีรถยนต์หลายร้อยคัน ทุกคันมีคุณภาพดี อายุใช้งานไม่ถึง 5 ปี มากด้วยบริการที่หลากหลาย ทั้งเช่ารถขับเอง-เช่ารถพร้อมคนขับ-เช่ารถระหว่างซ่อม-เช่ารถหรู-เช่ารถตู้-เช่ารถกระบะ-เช่ารถมอไซต์-เช่ารถรายวัน-เช่ารถรายเดือน ทุกคันมีน้ำมันเติมให้เต็มถัง พร้อมกับประภัยชั้นหนึ่งให้ด้วย มีแม่แรงและยางอะไหล่ไว้เปลี่ยนให้ ที่สำคัญคือรถทุกคันขับขี่ไปได้ทั่วไทย ไม่จำกัดระยะทางด้วยนะ
หากนึกไม่ออกว่าเมื่อมาถึงเชียงใหม่แล้วจะไปใช้บริการบริษัทรถเช่าที่ไหนดี ขอให้อ่านบทความ 5 บริษัทเช่ารถที่เชียงใหม่ เช่ารถเชียงใหม่ที่ไหนดี ไว้ด้วยนะ มีบริษัทรถเช่าในเชียงใหม่อยู่ในนี้ รอให้ค้นหาแล้ว