ค้นหาบทความ :


เช่ารถยนต์ /ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1,2,3 ต่างกันอย่างไร


share : Exclusive Exclusive Exclusive
ผู้เขียน : ecocar admin
10 ครั้ง
Created : 18-06-2022
ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1,2,3 ต่างกันอย่างไร

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1,2,3 ต่างกันอย่างไร



ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1,2,3 ต่างกันอย่างไร

                                                  ประกันรถยนต์ ขั้น1 2 3 ทำไมต้องมีประกันรถยนต์

 

 

 

 

 

หลายคนสงสัยกันว่าทำไม!! คนที่มีรถยนต์จะต้องมีประกัน

หลายคนที่มีรถคงจะสงสัยกันอยู่บ้างใช่ไหม ว่าทำไมต้องมีการทำประกันภัยรถยนต์ รวมทั้ง ยังมีกฎหมายบังคับให้ทำประกันภัยรถยนต์อีกต่างหาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ประกันภัยรถยนต์นั้น จะทำให้ เจ้าของรถยนต์ไม่ต้องรับความเสี่ยงในการเสียค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุเองทั้งหมด และทำให้ผู้เสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถยนต์ซึ่งได้รับการชดเชยอย่างทันท่วงที เพื่อที่จะได้นำเงินส่วนนั้นไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล ซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหาย ประโยชน์ของการประกันภัยนั้นมีหลายประการ สนใจเช่ารถ คลิก

ประกันรถยรต์ ดียังไง

ประโยชน์ของประกันภัยรถยนต์ ในด้านการช่วยเจ้าของรถยนต์ประหยัดเงิน ประกันนั้นเปรียบสเหมือนการซื้อความเสี่ยง เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยและอุ่นใจ ควรซื้อประกันติดรถไว้ เพราะว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุเราก็ไม่ต้องออกเงินซักบาท(กรณีเกิดอุบัติเหตุ*แล้วแต่เงื่อนไขประกันชั้นไหน) เพราะโดยปกติรถยนต์นั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อคนเราได้เป็นเจ้าของรถยนต์ก็ต้องรักต้องหวงเป็นธรรมดา แต่หากรถยนต์เกิดความเสียหายขึ้น ไม่ว่าจะเล็กน้อย หรือเสียหายมาก เจ้าของรถยนต์ก็ต้องนำรถยนต์ไปซ่อม 

                                                            

 

 

 

 

 

หากเจ้าของรถยนต์ไม่ได้ทำประกันภัยรถยนต์ไว้ เจ้าของรถยนต์ก็ต้องออกค่าซ่อมเองทั้งหมดแต่ผู้เดียว หรือ หากเจ้าของรถยนต์ขับรถไปชนคนเดินถนน หรือรถยนต์ของผู้อื่นทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต หรือบาดเจ็บ หรือเสียหายแก่ทรัพย์สิน เจ้าของรถยนต์ก็ต้องจะใช้ค่าเสียหายเหล่านั้นทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว โดยอาจจะมีตั้งแต่หลักพันบาท ไปจนถึงหลักล้านบาท นอกจากนี้สำหรับข้อดีของการทำประกันรถยนต์ยังจะช่วยคุณได้อีกดังนี้

เรียกประกัน จะช่วยประหยัดเงินในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแต่หากเจ้าของรถยนต์ทำประกันภัยรถยนต์ไว้ บริษัทประกันภัยก็จะเข้ามาช่วยใช้ค่าเสียหายตามวงเงินที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันภัยตามข้อสัญญา โดยที่เจ้าของรถยนต์เพียงแค่จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยปีละไม่กี่พันบาท แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น เจ้าของรถยนต์จะได้รับการคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยเป็นจำนวนมากกว่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายไปเสียอีก บางครั้ง เจ้าของรถยนต์อาจไม่ต้องจ่ายเงินของตัวเองแม้แต่บาทเดียวในการใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลภายนอกหรือซ่อมรถตัวเอง เพราะบริษัทประกันภัยจะจ่ายให้ทั้งหมดตามสัญญา แต่ก็อาจมีบางคนเห็นว่า ประกันภัยรถยนต์นั้นไม่จำเป็น เพราะว่าตนเองขับรถอย่างระมัดระวังอยู่แล้ว เกิดอุบัติเหตุได้ยาก แต่อย่าลืมว่า คำว่าอุบัติเหตุนั้น ก็บ่งบอกอยู่ในตัวแล้วว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุโดยที่รถยนต์ของคุณไม่มีประกันภัยรถยนต์ และคุณต้องใช้ค่าเสียหายจำนวนมาก ในขณะที่ทรัพย์สินของคุณมีไม่พอจ่ายค่าเสียหาย สถานการณ์ที่แย่ที่สุด คือ คุณอาจจะถูกยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดทรัพย์สิน เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ค่าเสียหาย ดังนั้น กันไว้ดีกว่าแก้ ทำประกันภัยรถยนต์กันเถอะครับ เบี้ยประกันภัยต่อปี ปีละไม่กี่พันบาท แลกกับมีคนคอยรองรับความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุของคุณ

 

ช่วยให้ความคุ้มครองรถยนต์

ประกันภัยรถยนต์ นอกจากจะช่วยประหยัดเงินของเราในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับบุคคลภายนอกแล้ว ยังช่วยคุ้มครองรถยนต์ของเราด้วยไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่รถยนต์ของเราถูกโจรกรรม หรือถูกไฟไหม้ ได้ด้วย ลองคิดดูว่า ถ้าคุณซื้อรถราคาหลักแสนมาใช้งาน แล้วอยู่มาวันหนึ่ง รถคันนั้นเกิดหายไป หรือถูกไฟไหม้ทั้งหมด เราจะรู้สึกอย่างไร และจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งโดยปัญหาเหล่านี้ แก้ได้ด้วยการทำประกันภัยรถยนต์ที่มีการคุ้มครองกรณีรถยนต์ถูกโจรกรรม หรือไฟไหม้ เพราะบริษัทประกันภัยจะใช้เงินทดแทนรถที่หายไปหรือถูกไฟไหม้ แม้จะไม่เต็มราคารถเท่ากับตอนที่ซื้อมา เพราะต้องหักค่าเสื่อมสภาพ แต่ก็ยังช่วยให้เรามีเงินช่วยเหลือในการซื้อรถคันใหม่มาใช้งานต่อไป ทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อรถใหม่แต่เพียงผู้เดียว

ช่วยประหยัดเงินในการรักษาพยาบาล

นอกเหนือไปจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ประกันภัยรถยนต์ ยังช่วยประหยัดเงินในการรักษาพยาบาลตัวเราเองและผู้โดยสารในรถด้วย กรณีที่เราขับรถไปแล้วเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ หากรถยนต์ของเรานั้นไม่มีประกันภัยรถยนต์ เวลาที่เข้าโรงพยาบาล เราจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเองทั้งหมด รวมทั้งถ้ามีผู้โดยสารบาดเจ็บ ผู้โดยสารก็จะต้องออกค่ายใช้จ่ายเองอีกด้วย แต่หากรถยนต์ของเรามีประกันภัยรถยนต์ ทางบริษัทประกันภัยก็จะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตัวเราเอง และผู้โดยสารในรถ จะทำให้เราประหยัดเงินไปได้อีกมาก

ทุกคนเห็นแล้วใช่ไหมว่าประกันภัยรถยนต์ช่วยให้เราประหยัดเงินได้มากขนาดไหนจากเหตุผลทั้งสามข้อข้างต้นนั้น ถ้าหากคุณผู้อ่านมีรถยนต์อยู่ที่บ้าน หรือคิดว่าจะซื้อรถยนต์ ก็อย่าลืมทำประกันภัยกันไว้นะ เวลาเกิดเหตุเราจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก

หากผู้อ่านต้องการเช่ารถยนต์ที่สำคัญไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถเดินทางได้ สามารถเช่ารถขับเอง เรามีให้บริการหลากหลายรูปแบบให้เลือก มองหาเราได้ที่ รถเช่าดอนเมือง หรือ Ecocar rent–a–car สามารถจองผ่าน Line ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ  เนื่องด้วยในทุกๆวันนี้ การใช้รถใช้ถนนมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา ดังนั้นนอกจากผู้ใช้รถทุกคนต้องไม่ประมาทและควรระมัดระวังในการขับขี่แล้ว การทำประกันภัยรถนั้นก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้ท่านเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น

ข้อดีของการทำประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1

          รถยนต์ทุกคัน ถูกบังคับให้ทำประกันภัยรถยนต์ ภาคบังคับ หรือที่เรียกกันว่า พ.ร.บ. โดยจะได้รับความคุ้มครองต่อความสูญของชีวิต ร่างกาย และผู้ประสบภัยจากรถยนต์เป็นสำคัญ แต่พ.ร.บ. จะไม่มีคุ้มครองความเสียหายของตัวรถยนต์ทั้งของผู้เอาประกัน และคู่กรณี หากต้องการให้คุ้มครองตัวรถยนต์ ต้องทำประกันภัยภาคสมัครใจ ซึ่งมีอยู่ 5 แบบหลัก คือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น2+ ชั้น3+ ซึ่งทั้ง 5 ประเภทนี้ ประกันชั้น 1 ถือว่าดีที่สุด เรามาดูข้อดีของการทำประกันประเภท 1 กันเลย

ข้อดีของการทำประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1

          ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 จะให้คุ้มครองแบบครอบคลุมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย รวมไปถึงทรัพย์สินของบุคคลภายนอก และยังคุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถของผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด และทุนประกันที่ได้รับก็ถือว่าเป็นจำนวนที่สูงเกือบเทียบเท่ากับราคารถยนต์ นอกจากกรณีรถชนรถแล้ว ก็ยังคุ้มครองเหตุการณ์ไม่คาดฝันอื่นๆ อีกด้วย เช่น รถสูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม เป็นต้น

          นอกจากนั้น บางบริษัทฯ อาจรวมถึงบริการจัดหายานพาหนะ หรือรถลากจูงที่นำไปซ่อมในสถานที่ ผู้ให้บริการซ่อมบำรุงระบุเอาไว้

ประกันรถยนต์ ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง 

ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก

แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

  1. รับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของบุคคลภายนอก  ในกรณีที่บุคคลภายนอกได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น บริษัทจะรับผิดชอบโดยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ตามจำนวนที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  2. รับผิดชอบต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก  กรณีอุบัติเหตุที่เกิดส่งผลให้ทรัพย์สินของบุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เช่น ผู้เอาประกันขับไปชนรถคันอื่นบนท้องถนน แปลว่าผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด บริษัทจะรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้

 

ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกัน ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในรถ

  1. รับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกายและอนามัยของผู้เอาประกัน (ผู้ขับขี่) และผู้โดยสารภายในรถ โดยบริษัทจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลในกรณีร่างกายได้รับบาดเจ็บ และค่าสินไหมทดแทนในกรณีทุพพลภายหรือเสียชีวิต ตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  2. รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของผู้เอาประกัน กรณีที่รถของผู้เอาประกันได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ บริษัทจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมให้รถกลับมาอยู่สภาพเดิม โดยรับผิดชอบทั้งตัวรถและอุปกรณ์เสริมที่ผู้เอาประกันได้ติดตั้งไว้ แต่ต้องมีการแจ้งไว้ให้บริษัททราบ ถ้าไม่มีการแจ้งติดตั้งอุปกรณ์เสริม บริษัทจะไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดกับอุปกรณ์เหล่านั้น
  3. รับผิดชอบกรณีรถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้ บริษัทจะชดใช้ค่าเสียหายให้เมื่อรถยนต์สูญหาย โดยรับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นการสูญหายทั้งคันหรือสูญหายบางส่วน รวมถึงการรับผิดชอบกรณีที่รถยนต์เกิดไฟไหม้ด้วย

ประกันรถยนต์ 2 

เป็นประกันรถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมเกือบทุกกรณี เรียกได้ว่าคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันภัยชั้น 1 เลยก็ว่าได้ ต่างกันเพียงในส่วนกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วรถของเราได้รับความคุ้มครองค่าเสียหาย ในกรณีที่รถชนกับรถเท่านั้น รวมไปถึงค่าเบี้ยประกันที่มีราคาไม่สูงเท่ากับเบี้ยประกันชั้น 1 นั่นเอง

ประกันรถยนต์ 2 ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง ? 

  1. คุ้มครองความเสียหายรถคู่กรณี หรือทรัพย์สินของคู่กรณี รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณีด้วย
  2. คุ้มครองค่าเสียหายของรถยนต์เรา ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบรถชนกับรถ 
  3. ค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกัน (ตัวเราเอง) และผู้โดยสารของเราที่นั่งมาด้วย คุ้มครองเหมือนประกันชั้น 1
  4. คุ้มครองในกรณี สูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม (บางกรมธรรม์)
  5. ให้ความคุ้มครองอื่นๆ ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ ของบริษัทประกันเท่านั้น

ข้อควรรู้สำหรับประกัน 2

ประกันรถยนต์ 2 จะให้ความคุ้มครองค่าเสียหายของรถเรา ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชนรถเท่านั้น หากเกิดอุบัติเหตุนอกเหนือจากนี้ จะไม่อยู่ในส่วนที่กรมธรรม์คุ้มครอง หมายความว่า เราจะต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เองทั้งหมด รวมถึงข้อจำกัดเรื่องอายุรถยนต์ของเราและสภาพของรถเราด้วย

ประกันรถยนต์ 3

เป็นประกันรถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองคล้ายกับประกันรถยนต์ชั้น 3 แทบจะทุกอย่าง ต่างกันเพียงแค่ประกันรถยนต์ 3 เพิ่มความคุ้มครองให้กับรถของเราในกรณีเกิดอุบัติเหตุรถชนรถเพิ่มเข้ามา ซึ่งประกันภัยชั้น 3 จะไม่คุ้มครองในส่วนนี้

ประกันรถยนต์ 3 คุ้มครองอะไรบ้าง ? 

  1. คุ้มครองความเสียหายรถคู่กรณี ทรัพย์สิน และค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี
  2. คุ้มครองค่าเสียหายของรถเราในกรณีรถชนรถเท่านั้น
  3. ค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกัน (ตัวเรา) และผู้โดยสารของเรา ซึ่งคุ้มครองเหมือนกับประกันภัย 2
  4. ไม่คุ้มครองกรณี ไฟไหม้ น้ำท่วม สูญหาย
  5. ให้ความคุ้มครองอื่นๆ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ของบริษัทประกันเท่านั้น

 ข้อควรรู้สำหรับประกัน 3

ประกัน 3 จะให้ความคุ้มครองความเสียหายของรถเรา (คันที่ทำประกัน) ในกรณีอุบัติเหตุรถชนรถเท่านั้น และไม่คุ้มครองค่าความเสียหายในกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้ น้ำท่วมและถูกโจรกรรมหรือสูญหาย ซึ่งประกันรถยนต์ชั้น 3 จะเหมาะกับรถยนต์ทั่วไปที่ไม่ค่อยได้ใช้งานหรือรถที่มีอายุมากกว่า 10 ขึ้นไป

ข้อแตกต่าง (ที่เห็นได้ชัดเจน) ระหว่างประกัน 1 กับ 2 กับ 3

          ประกันชั้น 1 สามารถคุ้มครองได้ทุกกรณี ไม่ว่าจะเจออุบัติเหตุทุกเหตุการณ์

ราคาประกันรถยนต์ 2 กับ ประกันรถยนต์ 3 มีราคาที่ใกล้เคียงกันในบางกรมธรรม์

ประกันชั้น 2 กับ 3 ให้ความคุ้มครองในกรณีอุบัติเหตุจากรถชนรถเท่านั้น 

ประกันรถยนต์ 2 ให้ความคุ้มครองความเสียหายของรถในกรณี สูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม แต่ประกันรถยนต์ 3 ไม่ได้คุ้มครองในส่วนนี้ประกันรถยนต์ 3 ไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถก่อนที่จะทำประกัน 

 

บทความเพิ่มเติม

รวมวิธีป้องกันรถหาย ไม่ให้ถูกโจรกรรม

 

 


บทความที่น่าสนใจ

เช่ารถขับเอง/เช่ารถกระบะ/รถเช่ากระบะ เพื่อรับจ้างทั่วไป

เช่ารถดอนเมือง 5 วัน ไปฟื้นเศรษฐกิจเมืองเชียงใหม่





สาขาของเรา