เงื่อนไขและข้อกำหนด การให้บริการเช่ารถยนต์ขับเอง

รายละเอียดในการเช่ารถยนต์ขับเอง

  1. คุณสมบัติของผู้เช่า


    ผู้เช่าต้องมีอายุ 20 ปี บริบูรณ์ ขึ้นไป และในวันที่เช่ารถยนต์ ผู้เช่าต้องนำเอกสารตัวจริงมาด้วย ดังนี้
     1.1 บัตรประชาชน
     1.2 ใบขับขี่รถยนต์
     1.3 บัตรเครดิต หรือ สลิปเงินเดือน
    โดยเอกสารทั้ง 3 รายการต้องไม่หมดอายุ
  2. เวลาทำการ


    บริษัทเปิดให้บริการทุกวันในเวลา 08.00-20.00 น. ผู้เช่าต้องรับรถยนต์และคืนรถยนต์ในเวลาทำการ กรณีรับรถยนต์หรือคืนรถยนต์นอกเวลาทำการ มีค่าบริการเพิ่ม ดังนี้
     2.1 กรณีรับรถยนต์หรือคืนรถยนต์ เวลา 20.00-22.00 น. มีค่าบริการเพิ่ม 535 บาท/ครั้ง
     2.2 กรณีรับรถยนต์หรือคืนรถยนต์ เวลา 22.00-06.00 น. มีค่าบริการเพิ่ม 1,070 บาท/ครั้ง
     2.3 กรณีรับรถยนต์หรือคืนรถยนต์ เวลา 06.00-08.00 น. มีค่าบริการเพิ่ม 535 บาท/ครั้ง
  3. สถานที่รับรถยนต์


    ผู้เช่าต้องมารับรถยนต์ด้วยตนเองที่สำนักงานสาขาของบริษัท หากผู้เช่าต้องการรับรถยนต์นอกสถานที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในเขตกรุงเทพมหานคร 535 บาท/เที่ยว สำหรับจังหวัดอื่นสามารถสอบถามราคาได้ที่พนักงานขายของบริษัท
  4. สถานที่คืนรถยนต์


    ผู้เช่าต้องนำรถยนต์มาคืนที่สำนักงานสาขาเดิมกับที่รับรถยนต์ หากคืนรถยนต์ต่างสาขาหรือ สถานที่อื่น มีค่าบริการเพิ่ม สามารถสอบถามราคาได้ที่พนักงานขายของบริษัท
  5. น้ำมันเชื้อเพลิง


    บริษัทจะเติมน้ำมันรถยนต์ให้เต็มถังก่อนที่จะส่งมอบรถยนต์ให้ผู้เช่า ในวันที่ผู้เช่านำรถยนต์มาคืน จะต้องเติมน้ำมันคืนให้เต็มถัง กรณีผู้เช่าไม่เติมน้ำมันมาเต็มถัง จะมีค่าปรับ ดังนี้
     5.1 รถยนต์ 1,200 cc มีค่าปรับน้ำมัน 214 บาท/ขีด
     5.2 รถยนต์ 1,500 cc มีค่าปรับน้ำมัน 268 บาท/ขีด
     5.3 รถยนต์ 1,600-1,800 cc มีค่าปรับน้ำมัน 321 บาท/ขีด
     5.4 รถยนต์ 2,000 cc และ รถกระบะ / SUV /รถตู้ มีค่าปรับน้ำมัน 535 บาท/ขีด
     5.5 รถยนต์ Benz/BMW มีค่าปรับน้ำมัน 856 บาท/ขีด
  6. การนับวันในการเช่ารถยนต์


    การเช่ารถยนต์แบบขับเอง 1 วัน จะนับเวลาในการเช่าเท่ากับ 24 ชั่วโมง ผู้เช่ารับรถยนต์เวลาใด ก็ให้นับไปอีก 24 ชั่วโมง ถือเป็นการเช่ารถยนต์ 1 วัน หากผู้เช่าคืนรถยนต์ล่าช้าจะมีค่าปรับคืนรถล่าช้าคิดเป็นรายชั่วโมง และหากคืนรถยนต์ล่าช้าเกิน 4 ชั่วโมง ให้ถือเป็นการเช่ารถยนต์เพิ่ม 1 วัน
  7. การคืนรถยนต์ล่าช้า


    เมื่อผู้เช่าคืนรถยนต์ล่าช้าเกินกว่าเวลาที่ได้ตกลงไว้ในสัญญาเช่า ผู้เช่าจะต้องจ่ายค่าปรับคืนรถยนต์ล่าช้า โดยมีอัตราค่าปรับ ดังนี้
     7.1 รถยนต์ 1,200 cc มีค่าปรับล่าช้า 214 บาท/ชั่วโมง
     7.2 รถยนต์ 1,500 cc มีค่าปรับล่าช้า 268 บาท/ชั่วโมง
     7.3 รถยนต์ 1.600-1,800 cc มีค่าปรับล่าช้า 321 บาท/ชั่วโมง
     7.4 รถยนต์ 2,000 cc/รถกระบะ/SUV /รถตู้ มีค่าปรับล่าช้า 535 บาท/ชั่วโมง
     7.5 รถยนต์ Benz/BMW มีค่าปรับล่าช้า 856 บาท/ชั่วโมง
  8. การชำระเงินค่าเช่า


    ในวันรับรถยนต์ ผู้เช่าสามารถชำระเงินค่าเช่าโดยการชำระด้วยบัตรเครดิต หรือ การโอนเงินเข้าบัญชีของบริษัท ทั้งนี้บริษัทงดรับการชำระด้วยเงินสด หากต้องการชำระด้วยเงินสด มีค่าบริการเพิ่ม 15 บาท
  9. เงินมัดจำ


    ผู้เช่าจะต้องใช้เงินมัดจำในการเช่ารถยนต์ โดยเงินมัดจำขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์ ดังนี้
     7.1 รถยนต์ขนาดเล็ก เครื่องยนต์ 1,200-1,500 cc ใช้เงินมัดจำ 5,000 บาท
     7.2 รถยนต์ขนาดกลาง-ใหญ่ เครื่องยนต์ 1,600-2,000 cc/ รถกระบะ/SUV /รถตู้ ใช้เงินมัดจำ 10,000 บาท
     7.3 รถยนต์ยี่ห้อ Benz ,BMW ใช้เงินมัดจำ 20,000 บาท
  10. การชำระเงินมัดจำ


    ผู้เช่าต้องชำระเงินมัดจำในวันรับรถยนต์ โดยการโอนเงินเข้าบัญชีของบริษัท หากต้องการชำระด้วยบัตรเครดิตมีค่าบริการเพิ่มร้อยละ 3 ของจำนวนเงินที่ชำระ บริษัทมีนโยบายไม่รับเงินมัดจำเป็นเงินสด หากต้องการชำระด้วยเงินสด มีค่าบริการเพิ่ม 15 บาท
  11. การคืนเงินมัดจำ


    เมื่อผู้เช่าได้นำรถยนต์มาคืนโดยสภาพปรกติแล้ว บริษัทจะทำการโอนเงินมัดจำคืนให้ผู้เช่าผ่านทางเลขบัญชีธนาคารของผู้เช่า ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากคืนรถยนต์ หากรถยนต์คันที่เช่าเกิดอุบัติเหตุ และมีการเข้าซ่อมที่อู่นานกว่า 30 วัน ผู้เช่าจะไม่ได้เงินมัดจำคืน
  12. การเช่ารถยนต์เพิ่ม


    เมื่อผู้เช่าต้องการเช่ารถยนต์เพิ่มจากสัญญาเช่าเดิม ให้ผู้เช่าแจ้งบริษัททราบล่วงหน้า อย่างน้อย 6 ชั่วโมง และให้โอนเงินค่าเช่าเพิ่ม หรือ ให้บริษัทตัดเงินจากบัตรเครดิต โดยต้องทำให้เสร็จก่อนหมดเวลาในสัญญาเช่าเดิม หากผู้เช่าไม่ชำระเงินให้ทันเวลา จะมีค่าปรับชำระเงินล่าช้า 535 บาท/วัน
  13. การติดตามรถยนต์คืน


    วันที่และเวลา ที่สิ้นสุดสัญญาเช่า จะระบุไว้ในสัญญาเช่ารถยนต์ ผู้เช่าที่ต้องการเช่ารถยนต์เพิ่มจากสัญญาเช่าเดิม ต้องชำระเงินให้ตรงเวลา หากชำระเงินล่าช้าเกิน 2 วัน บริษัทจะเรียกรถยนต์คืน ขอให้ผู้เช่านำรถยนต์มาคืนบริษัท และหากไม่นำรถยนต์มาคืน บริษัทจะส่งพนักงานออกติดตามรถยนต์คืน โดยมีค่าติดตามรถยนต์คืน 5,350 บาท/ครั้ง
  14. ประกันภัยสำหรับรถเช่า


    บริษัทได้จัดทำประกันภัยรถยนต์ เชิงพาณิชย์ประเภทให้เช่า ประกอบด้วยประกันภัยภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. ซึ่งกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำประกัน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ที่กฎหมายกำหนดให้ยานพาหนะทางบกทุกประเภทที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ต้องทำประกันภัยประเภทนี้เพื่อให้ความคุ้มครองกับตัวบุคคลที่ได้รับผลจากอุบัติเหตุ โดยไม่คำนึงถึงว่าบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเหล่านั้นจะเป็นผู้ที่กระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งกฎหมายจะให้ความคุ้มครองต่อตัวคู่กรณีและผู้เอาประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบของเงินชดเชยและค่ารักษาพยาบาลตามที่กฎหมายกำหนด

    นอกจากนี้บริษัทได้จัดทำประกันภัยภาคสมัครใจประเภทที่ 3 ซึ่งจะให้ความคุ้มครองเฉพาะความรับผิดเฉพาะของผู้เอาประกันภัยที่มีต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิตร่างกายบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัยด้วย คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก และประกันภัยรถยนต์ จะไม่คุ้มครองรายการต่อไปนี้
     14.1 เมื่อรถยนต์มีอุบัติเหตุ และต้องใช้ใช้รถยก/รถลาก จะฟรี ภายในระยะทาง 20 กิโลเมตรแรก หากระยะทางมากกว่านี้ ผู้เช่าต้องจ่ายค่ารถยก/รถลาก เพิ่มเอง
     14.2 หากยางรถยนต์รั่ว ผู้เช่าต้องซ่อม ปะยางมาคืนบริษัท หากยางแตกผู้เช่าจะต้องซื้อยางรถยนต์เส้นใหม่ ในยี่ห้อและขนาดยางเดิม โดยจะต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนมาคืนรถยนต์ หากผู้เช่าไม่ดำเนินการให้เสร็จ จะมีค่าปรับเพิ่มตามที่บริษัทกำหนด
     14.3 อุปกรณ์ภายในรถยนต์ทั้งหมด เช่น เอกสารภายในรถยนต์ เบาะรถยนต์ ยางอะไหล่ แม่แรง กุญแจและอื่นๆ หากอุปกรณ์ที่ผู้เช่าทำชำรุดหรือสูญหายในระหว่างการเช่ารถยนต์ ลูกค้าต้องจ่ายค่าปรับทั้งหมดตามรายการที่บริษัทกำหนด
  15. ค่าเสียหายส่วนแรก


    บริษัทกำหนดให้ผู้เช่าต้องชำระค่าเสียหายส่วนแรก(Deductible) เพื่อเป็นแรงจูงใจเชิงลบ ให้ผู้เช่ามีความระมัดระวังในการขับขี่รถยนต์ พึงรักษารถยนต์ที่เช่าเสมือนรถยนต์ของตนเอง หากผู้เช่านำรถยนต์ที่เช่าไปทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเมื่อผู้เช่าเป็นฝ่ายผิด หรือ ไม่มีคู่กรณี หรือ หาคู่กรณีไม่ได้ รวมทั้งเป็นการประมาทร่วมกัน ผู้เช่าต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกให้กับบริษัท โดยอัตราค่าเสียหายส่วนแรก มีดังนี้
     15.1 จำนวน 3,210 บาทต่อเหตุการณ์ เมื่อรถยนต์เสียหายเป็นรอยครูด สีถลอก
     15.2 จำนวน 5,350 บาทต่อเหตุการณ์ เมื่อรถยนต์เสียหายเป็นรอยบุบ ยุบ แตก
     15.3 จำนวน 8,560 บาทต่อเหตุการณ์ เมื่อรถยนต์เสียหายเป็นรอยครูด สีถลอก สำหรับรถ benz,BMW
     15.4 จำนวน 10,700 บาทต่อเหตุการณ์ เมื่อรถยนต์เสียหายเป็นรอยบุบ ยุบ แตก สำหรับรถ benz,BMW
  16. การซื้อประกันภัยเสริม


    หากผู้เช่ามีความกังวลใจว่าอาจจะเป็นฝ่ายผิด ซึ่งเป็นผลให้ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก ผู้เช่าสามารถเลือกซื้อประกันภัยเสริม เพื่อป้องกันการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก โดยมีค่าใช้จ่าย ดังนี้
     16.1 รถยนต์ 1,200 cc ราคา 214 บาท/วัน หรือ 4,280 บาท/เดือน
     16.2 รถยนต์ 1,500 cc ราคา 268 บาท/วัน หรือ 5,350 บาท/เดือน
     16.3 รถยนต์ 1,800 cc ราคา 321 บาท/วัน หรือ 5,350 บาท/เดือน
     16.4 รถยนต์ 2,000 cc/รถกระบะ/SUV /รถตู้ ราคา 535 บาท/วัน หรือ 5,350 บาท/เดือน
     16.5 รถยนต์ Benz/BMW ราคา 856 บาท/วัน หรือ 10,700 บาท/เดือน
  17. ค่าขาดประโยชน์


    เมื่อรถยนต์มีอุบัติเหตุ ได้รับความเสียหาย โดยเป็นผลมาจากผู้เช่าเป็นฝ่ายผิด ประมาทร่วม หรือ เป็นฝ่ายถูกแต่หาคู่กรณีมารับผิดชอบไม่ได้ ผู้เช่ามีหน้าที่ต้องจ่ายค่าขาดประโยชน์จากการที่บริษัทต้องนำรถยนต์เข้าไปซ่อมที่อู่ ซึ่งในระหว่างซ่อม รถยนต์ไม่ได้วิ่งทำรายได้ ทำให้บริษัทขาดประโยชน์จากการปล่อยเช่า ผู้เช่าต้องเป็นผู้ชำระค่าขาดประโยชน์ด้วยมูลค่าเท่ากับ จำนวนวันที่เข้าซ่อม คูณด้วย ค่าเช่ารายวัน ที่ผู้เช่าได้ทำสัญญาเช่าไว้
  18. รถยนต์ทดแทน


    หากรถยนต์คันที่เช่ามีอุบัติเหตุ โดยอาจเกิดมาจากผู้เช่าเป็นฝ่ายผิด หรือ เป็นฝ่ายถูก ก็ตาม เมื่อผู้เช่าต้องการรถยนต์คันใหม่ทดแทนคันเดิม โดยการเปลี่ยนรถยนต์ จะมีค่าบริการเปลี่ยนรถยนต์ 3,210 บาทต่อครั้ง ไม่รวมค่าบริการจัดส่งตามระยะทาง โดยรถยนต์ทดแทนจะจัดส่งให้ภายใน 24 ชั่วโมงในเขตกรุงเทพมหานคร และ 48 ชั่วโมง ในเขตต่างจังหวัด
  19. การรับประกันและการเปลี่ยนรถยนต์


    เมื่อรถยนต์คันที่เช่าไปไม่สามารถใช้งานรถยนต์ได้ตามปรกติ เช่น แอร์ไม่เย็น สตาร์ทไม่ติด เบรกเสียงดัง บริษัทจะส่งช่างไปจัดการให้ หรือ ให้ผู้เช่านำรถยนต์เข้าซ่อมที่ศูนย์บริการที่บริษัทติดต่อไว้ และหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ บริษัทจะทำการเปลี่ยนรถยนต์ให้ใหม่ภายใน 24 ชั่วโมง สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 48 ชั่วโมง สำหรับพื้นที่ต่างจังหวัด
  20. รถยนต์หาย


    หากผู้เช่านำรถยนต์คันที่เช่าไปทำหาย ไม่ว่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบชำระเป็นเงินให้กับบริษัท ตามอัตราที่บริษัทกำหนด แต่จะไม่เกินราคารถยนต์ที่ซื้อมาจากผู้จัดจำหน่ายรถยนต์
  21. รถยนต์ไฟไหม้ น้ำท่วม


    เมื่อผู้เช่านำรถยนต์คันที่เช่าไปทำให้เกิดไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม โดยไม่คำนึงว่าจะเกิดจากการกระทำของผู้เช่าหรือไม่ เช่าจะต้องรับผิดชอบชำระเป็นเงินให้กับบริษัท ตามอัตราที่บริษัทกำหนด แต่จะไม่เกินราคารถยนต์ที่ซื้อมาจากผู้จัดจำหน่ายรถยนต์
  22. การคืนรถยนต์ก่อนกำหนด


    เมื่อผู้เช่าต้องการคืนรถยนต์ก่อนกำหนด ตามเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาเช่ารถยนต์ ผู้เช่าต้องแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน โดยผู้เช่าสามารถคืนรถยยนต์ก่อนกำหนดได้ แต่จะไม่ได้รับค่าเช่าที่ชำระมาแล้วคืน
  23. การสิ้นสุดสัญญาเช่า


    เหตุการณ์ต่อไปนี้ ให้ถือว่าสัญญาเช่ารถยนต์เป็นอันสิ้นสุดลง ได้แก่
     23.1 เมื่อครบกำหนดระยะเวลาเช่าตามปรกติ
     23.2 เมื่อผู้เช่าไม่ชำระเงินค่าเช่า ค้างชำระเกินกว่า 2 วัน ขึ้นไป
     23.3 เมื่อผู้เช่านำรถยนต์ไปจำนำ ฝากจอด กับผู้อื่น โดยได้รับเงินตอบแทนจากการกระทำนั้น และไม่ได้ครอบครองรถยนต์คันที่เช่ามาด้วยตนเอง ตามวัตถุประสงค์การเช่าเพื่อใช้งานปรกติ
     23.4 เมื่อผู้เช่านำรถยนต์ไปประสบอุบัติเหตุรุนแรง จนไม่สามารถขับต่อได้
     23.5 เมื่อบริษัทบอกเลิกสัญญาเช่า เพราะผู้เช่านำรถยนต์ไปใช้ผิดประเภท หรือ ไม่ได้รับอนุญาติจากบริษัท
  24. การใช้รถยนต์


     24.1 ผู้เช่าต้องใช้งานรถยนต์ในกิจธุระอันปรกติ ห้ามนำไปใช้เพื่อการแข่งขัน การทดลอง หรือ การใช้งานขับลุยน้ำ ลุยโคลน อันจะทำให้รถยนต์เสียหาย
     24.2 ผู้เช่าสามารถขับรถยนต์ได้แบบไม่จำกัดระยะทาง แต่ต้องหยุดพักเป็นระยะเมื่อขับทางไกล
     24.3 ห้ามนำรถยนต์ออกนอกราชอาณาจักรไทย
     24.4 ห้ามนำรถยนต์ไปใช้เพื่อการขนส่งสิ่งผิดกฎหมาย
     24.5 ห้ามนำรถยนต์ไปบรรทุกเกินกว่าที่คู่มือรถยนต์กำหนด
     24.6 ห้ามสูบบุหรี่ในรถยนต์
     24.7 ห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นบนรถยนต์
     24.8 ห้ามนำสิ่งมีกลิ่น เช่น ทุเรียน ปลาร้า ขึ้นบนรถยนต์
  25. หน้าที่ของผู้เช่า


     25.1 ผู้เช่าต้องขับรถยนต์ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท พักผ่อนเพียงพอและไม่ดื่มแอลกอฮอร์ก่อนหรือ ระหว่างขับรถยนต์
     25.2 ผู้เช่าต้องขับรถยนต์ให้ถูกกฎหมายจราจร หากมีใบสั่ง ค่าปรับจราจร เกิดขึ้น ผู้เช่าต้องเป็นผู้จ่ายค่าใช้จ่ายเอง
     25.3 ผู้เช่าต้องรักษา ดูแล จอดรถยนต์ในที่ปลอดภัย ดุจรถยนต์ของตนเอง
     25.4 ผู้เช่าต้องไปแจ้งความกับตำรวจ เมื่อรถยนต์ถูกเฉี่ยว ชน แล้วคู่กรณี หลบหนี
     25.5 ผู้เช่าต้องไม่อนุญาต หรือ ยินยอม ให้ผู้ที่ไม่มีใบขับขี่รถยนต์ ขับรถคันที่เช่า
     25.6 เมื่อรถยนต์มีอุบัติเหตุ ผู้เช่าต้องโทรศัพท์แจ้งเคลมประกันภัย และนำใบเคลมมาให้บริษัทในวันคืนรถยนต์ ถ้าไม่มีใบเครมจะมีค่าบริการให้พนักงานบริษัท เปิดเครมให้ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 2,140 บาท
     25.7 ผู้เช่าต้องตรวจสอบใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี กรณีไม่ถูกต้องให้แจ้งแก้ไขทันที เพราะไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้
     25.8 ผู้เช่าต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้ถูกกับประเภทของรถยนต์ ตามคู่มือรถยนต์ และต้องเติมน้ำมันคืนให้เต็มถังก่อนส่งคืนรถยนต์

สาขาของเรา